ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

*ใครตัดต้นไม้ของฉัน..?



1. ใครตัดต้นไม้ของฉัน?

จอร์จ วอชิงตันคือประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา 
ตอนที่เขายังเป็นเด็กนั้น เขาได้ตัดต้นเชอรี่ของพ่อไป2ต้น พอพ่อของเขากลับมาถึงบ้านก็โมโหมาก
“ถ้าฉันรู้ว่าใครเป็นคนตัดต้นเชอรี่ของฉันแล้วละก้อ ฉันจะตั้นหน้ามันหนักๆสักหมัด คอยดู”
จากนั้นพ่อของเขาก็เดินไปถามคนแถวบ้าน แต่ก็ไม่มีใครรู้แม้แต่สักคนเดียว
พอพ่อของเขาจึงตัดสินใจถามลูกชาย วอชิงตันเริ่มร้องไห้และกล่าวว่า
“ผมเป็นคนตัดต้นเชอรี่ของพ่อเองครับ” จากนั้นก็คุกเขาลงกับพื้น
พ่อของเขากอดลูกชายและบอกแก่ลูกชายว่า
“ลูกรักของพ่อ พ่อยินดีเสียต้นเชอรี่ไปเป็นร้อยๆต้น แต่ไม่ยินดีฟังคำโกหกของลูก ลูกพ่อช่างกล้าหาญนัก”
@ ความสัตย์ซื่อและจริงใจคือพลังที่เป็นรูปธรรม มันสำแดงถึงศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในตัวตนของคนนั้นๆ
2. แสงแห่งเวลา
อาร์เทอร์ รูบินสไตน์ นักเปียโนชาวยิว-อเมริกันมักจะเดินทางไปพบปีกัสโซ่อยู่เสมอ
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อาร์เทอร์เห็นปีกัสโซ่วาดภาพเดิมๆในที่เดิมๆเป็นเวลานานหลายเดือน องค์ประกอบในภาพมีระเบียงที่เป็นราวเหล็กดัด มีโต๊ะอยู่ตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีขวดไวน์และกีต้าร์อยู่หนึ่งอัน
เมื่อปีกัสโซ่วาดภาพเดิมๆเป็นเวลาถึง50ภาพ อาร์เทอร์จึงอดทนต่อไปอีกไม่ไหว เขาได้ถามเพื่อรักว่า
“นายวาดรูปเดิมๆทุกวันไม่รู้สึกเบื่อบ้างหรือยังไง?”
ปีกัสโซตอบอาร์เทอร์ว่า
“นายพูดอะไรผิดหรือเปล่า? นายไม่รู้จริงๆหรือยังไงว่าในทุกๆนาทีก็มิใช่ฉันคนเดิม ทุกนาทีมีแสงใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่เสมอ แม้เราจะเห็นระเบียงอันเดิม ขวดไวน์อันเดิม กีตาร์อันเดิม แต่ฉันเห็นสิ่งที่แตกต่างกันออกไปทุกขณะเวลา ฉันเห็นขวดไวน์ที่ไม่เหมือนเดิม เห็นโต๊ะที่ไม่เหมือนเดิม เห็นชีวิตที่แตกต่างกันไปบนโลกใบนี้ ในสายตาของฉัน สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม ”
จากนั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่อาร์เทอร์เล่นเปียโน เขาก็ได้ท่วงทำนองใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่เสมอไม่ขาด
@ หากคุณเตรียมตัวพร้อมแล้ว ลองเรียนรู้ในการเปลี่ยนมุมมองดู คุณจะรู้ว่า โลกเราเดิมทีก็ยังคงงดงามอยู่ดังเดิม การดำเนินชีวิตล้วนเต็มไปด้วยสีสัน จิตวิญญาณเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิต
3. ความอดทนของเลโอ ตอลสตอย
เลโอ ตอลสตอยคือนักเขียนชาวรัสเซียผู้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวรัสเซียในศตวรรษที่ 19 เขาเป็นผู้มีชื่อเสียง มีตำแหน่งฐานะ มีทรัพย์สมบัติมหาศาล มีศรีภรรยาและบุตรอันเป็นที่รัก ดูเหมือนชีวิตของเขาจะเป็นที่อิจฉาของใครๆ
แต่เขากลับรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต ผันตนเองเป็นคนเรียกร้องสันติภาพ อนุเคราะห์ผู้ยากไร้ อีกทั้งยังนำทรัพย์สินของตนมอบให้แก่คนอื่น เขาตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตที่สมถะเรียบง่าย
แต่ภรรยาของเขากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม เธอใช้เงินทองอย่างสุรุ่ยสุร่าย เธอยังคงระเริงอยู่กับสังคมชั้นสูง และรู้สึกโกรธแค้นที่สามีทำตัวตกต่ำ
เลโอต้องการยกเลิกลิขสิทธิ์งานเขียนของตัวเอง แต่ภรรยากลับขัดแย้งเพราะนั่นหมายถึงเงินทองจำนวนมหาศาล และเมื่อเลโอไม่เห็นด้วยโดยไม่ทำตามใจเธอ เธอก็จะกรีดร้องและทอดตัวกลิ้งไปมาที่พื้นให้เขาเห็น หรือแม้กระทั่งจะกลืนยาฝิ่นเพื่อฆ่าตัวตาย หรือขู่เลโอด้วยการวิ่งไปกระโดดบ่อน้ำ
มีอยู่หลายครั้งที่เลโอตัดสินใจที่จะไม่ยอมพบหน้าภรรยา แต่ทุกครั้งก็ถูกภรรยาวิ่งเข้ามากอดขา และเธอก็ได้ขอร้องให้เขาช่วยอ่านบันทึกรักแรกพบที่เขาได้พบกับเธอ เมื่อเลโอได้อ่านบันทึกรักอีกครั้ง ก็ทำให้เขาใจอ่อนลงทุกครั้งไป
แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ยอมให้ภรรยาทำอย่างนี้กับเขาอีกต่อไป เดือนธันวาคมปี1910 ในค่ำคืนที่ทั้งลมและหิมะตกหนัก เลโอผู้มีอายุถึง82ปี ก็ได้หนีออกจากบ้าน 11วันให้หลัง เลโอก็เสียชีวิตด้วยโรคตับอักเสบในสถานีโดยสารเพียงลำพัง
@ ในชีวิตคนเรา อาจเป็นเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆที่คอยถ่วงให้ชีวิตของเราไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เหตุผลเดียวกัน การให้หาทางออกให้แก่คนอื่น นั่นก็เป็นการเหลือทางออกให้กับตนเองเช่นกัน

ขอบคุณที่มา :  https://www.facebook.com/NusonBooks
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/NusonBooks

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Follow Us On