ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2559

* เปิดใจ คุณหรีด 'เจ้าแม่ซานริโอ' ยังไงคนก็รักมัน

คิตตี้ไม่ใช่แมว พูดทำไม..?
เพิ่มคำอธิบายภาพ

จากกรณีพาดหัวข่าวว่า ช็อกกันไปตามๆ กันเมื่อ Sanrio ต้นสังกัดของคาแรกเตอร์แมวชื่อดัง Hello Kitty ออกมายืนยันแบบไม่ถนอมน้ำใจกันว่า Hello Kitty ไม่ใช่แมว! ด้วยเหตุผลว่ามันไม่เคยเดิน 4 ขาเหมือนแมวทั่วไป ตายละหว่า...?? 
ประเด็นนี้ คุณหรีด รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์ เจ้าของฉายา เจ้าแม่คิตตี้ หุ้นส่วน 'ซานริโอ้ เฮลโล คิตตี้ เฮ้าส์ แบงค็อก' แห่งแรกในประเทศไทยออกมากล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์กรณี 'คิตตี้' ช็อกโลกดังกล่าวว่าไม่รู้จะพูดเรื่องนี้ทำไม
"คนเป็นแฟนคิตตี้ หรืออ่านประวัติเราจะรู้ว่าฮัลโลคิตตี้ มีของโปรดเป็น 'แอปเปิลพาย' ชอบวาดรูป แถมยังมีสัตว์เลี้ยงเป็นแมวชื่อ 'ชาร์มมี่ คิตตี้' แล้วที่สำคัญเขาเดิน 2 ขา และเต้นรำมาตั้งแต่เร่ิมต้น ฮัลโลคิตตี้เกิดที่ลอนดอนเขาหยุดอายุอยู่แค่ 5 ขวบ บริษัทซานริโอเอามาทำคาแรกเตอร์ปัจจุบันคิตตี้มีมากกว่าร้อยคาแรกเตอร์ แบบแรกคือ 'ฮัลโลคิตตี้' เป็นการดีไซน์ที่สุดยอด สังเกตไหมทำไมดีไซน์ไม่ให้เขามีปาก เพราะว่าต้องการให้ทุกคนเจอกันแล้วพูดออกมาจากใจ แล้วชื่อก็มีความหมายอยากให้ทักทายกันด้วย 'ฮัลโลคิตตี้' ไม่ใช่กู๊ดมอนิ่ง กู๊ดอาฟเตอร์นูด แต่เป็นการทักทายแบบฮัลโลคิตตี้ นั่นคือสิ่งที่เขาดีไซน์มาตั้งแต่แรก"
คุณหรีดย้ำว่า คิตตี้เกิดที่ลอนดอน ตามประวัติตอน 5 ขวบประเทศอังกฤษมีความเจริญมั่งคั่งอยู่ที่ญี่ปุ่น เขาเลยเดินทางมาญี่ปุ่น พอดีไซเนอร์ญี่ปุ่นเห็นว่าฮัลโลคิตตี้อันนี้เหมาะกับคาแรกเตอร์ของนักศึกษามหาวิทยาลัย จึงทำกระเป๋าสตางค์หน้าตาคิตตี้ขึ้นมา มีโบสีชมพูเหมาะกับเด็กวัยรุ่น
"ปรากฏว่าโดนใจทุกคนเลย เรียกได้ว่าทำมาเท่าไหร่ ขายหมด จากนั้นก็ขยับขยายฟีเวอร์ต่อไปเรื่อยๆ มาจนถึงวันนี้ โดยเฉพาะฮัลโลคิตตี้ตัวเดียวจากร้อยกว่าแบบ เชื่อหรือไม่ว่ามันทำรายได้กับ บริษัทซานริโอ วันนี้เกือบสองแสนล้านบาทต่อปี เรียกได้ว่าแค่ตัวนี้ตัวเดียวจากกำไร 100% ฮัลโลคิตตี้ ทำรายได้ให้เขามากถึง 94% ตัวอื่นทำแล้วก็ยังไม่โดนเท่า เพราะไม่ว่าตัวไหนที่ทำออกมามันจะกลายเป็นเด็กไปหมดเลย หลังจากฮัลโลคิตตี้ ก็จึงเร่ิมขยับขยายจากการขายของที่ระลึก มาเป็นสินค้าต่างๆ มากมาย ฮิตขนาดปัจจุบันร้านเพชรยังมี 'ฮัลโลคิตตี้'เพชรขายเลย ต่อมาก็ต่อยอดมาดังนั้นเพิ่มมามีสปา มีคอฟฟี่ชอป และอื่นๆ อีกมากมาย นี่คือที่มาความนิยมของคนทั้งโลก เพราะฮัลโลคิตตี้ตัวนี้อยู่ในหัวใจทุกคนๆ ไม่ใช่เฉพาะเด็ก" คุณหรีดกล่าว 
ขวัญใจคนทั่วโลก

ดังนั้น เจ้าแม่คิตตี้ย้ำว่า ข่าวที่ออกมาว่าฮัลโลคิตตี้ไม่ใช่แมว จึงไม่ได้รู้สึกว่าตนเองถูกหลอก
"ไม่เลยค่ะ ไม่เสียเซลฟ์ เพราะเราข้อมูลนี้รู้อยู่แล้ว ว่าเขาไม่ใช่แมว หากรักและอ่านประวัติความเป็นมาของมันก็จะรู้ ทุกคนรักมันเพราะความน่ารักของหน้าตา ท่าทาง หน้าตาสีขาว มีจมูกสีเหลือง มีโบสีแดง มีหนวดสีดำข้างละ 3 เส้น เดิน 2 ขา เต้นรำน่ารักๆ และแม้จะเป็นสัญลักษณ์ของแมว แต่ถ้าศึกษาประวัติเราก็จะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่แมว จริงๆ หรีดว่าถ้าคิตตี้เดินสี่ขามาตั้งแต่เร่ิมต้นมันจะตลกมากคนอาจจะไม่รักมันก็ได้นะ ที่บอกว่าช็อกคนทั้งโลก ไม่จริง หรีดว่าไม่มีผลเลย ยังไงคนก็ยังรักเขาอยู่ดี เขาไม่ต้องพูด ไม่มีปาก เขาไม่เถียง เขาพูดด้วยหัวใจ หรีดขอถามว่า แมวชอบกินแอปเปิลไหม ไม่ใช่ใช่ไหม เพราะอาหารโปรดของฮัลโลคิตตี้ก็คือแอปเปิลพาย แถมมีสัตว์เลี้ยงเป็นแมวอีก แล้วประวัติของฮัลโลคิตตี้เขาชอบเพ้นท์ติ้ง แมวอะไรวาดรูปได้ ประวัติมันชัดอยู่แล้ว เราไม่ได้รู้สึกว่าโดนหลอกเพราะเรารักมันอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นแมวหรือไม่เป็นแมว แต่เรารักที่หน้าตาแมวๆ ของมันอยู่ในหัวใจ"
น่ารักเป็นมิตร

น่ารักเป็นมิตร

เมื่อถามว่าข่าวนี้รู้สึกว่าเป็นแผนการตลาดไหม?
"หรีดไม่ทราบว่า ข่าวนี่ออกมาเพื่อวัตถุประ สงค์อะไร ไม่รู้จะพูดทำไม ตอนนี้กระแสฮัล โลคิตตี้มาแรง เนื่องจากจะถึงวันเกิดของเขา 1 พฤศจิกายนนี้จะครบรอบ 40 ปี ตอน นี้ขอบอกว่าดังทั่วโลก ดังมากกว่าการ์ตูนแทบทุกตัว มีแฟนทุกเพศทุกวัยทุกชาติ เพราะมันไม่มีปากมันพูดได้ทุกภาษาเลย อาจจะเป็นตรงนี้หรือเปล่า ทำให้คนถอยหลังมากึ่งหนึ่ง ว่าที่ทุกคนคิดว่าคิตตี้เป็นแมวมันไม่ใช่นะ แต่ถ้าคนรักคิตตี้ เขาก็รู้อยู่แล้วตามประวัติของมัน"  
ความน่ารัก การดีไซน์ทำให้อยู่ในหัวใจคนทั่วโลก

สุดท้าย หุ้นส่วน 'ซานริโอ้ เฮลโล คิตตี้ เฮ้าส์ แบงค็อก' แห่งแรกในประเทศไทย ฝากทิ้งท้ายไปยังคนที่ออกมาพูดเรื่องนี้ด้วยว่า อยากจะบอกว่า ถึงคุณจะบอกว่าคิตตี้ไม่ใช่แมว แต่ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของคนรักคิตตี้ หรือคิตตี้เลิฟเวอร์ หรือคิตตี้แฟน หรีดเชื่อมันเกิน 100% ว่าไม่มีผลอะไรกับเขาเลย เพราะเขารู้อยู่แล้วคิตตี้เป็นแบบไหน ถามว่าข่าวนี้มีผลอะไรกับธุรกิจหรือไม่ ไม่ได้มีผลอะไร แถมทำให้คนสนใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ความน่ารัก การดีไซน์

ทำให้อยู่ในหัวใจคนทั่วโลก

เรียบเรียง : http://oteamwork.blogspot.com/
ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/446460

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Follow Us On