ค้นหาบล็อกนี้
วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559
วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559
> 10 วิธีคิดต่าง ” Think different ” อย่าง Apple !!
10 วิธีคิดต่าง ” Think different ” อย่าง Apple !!
“ข้อคิดดีๆ จาก Apple ผลนี้
ที่คุณควร “คิดต่าง” อย่างสร้างสรรค์!!”
Apple เป็นแบรนด์ที่เกิดจากความต่าง ข้อเท็จจริงนี้ทำให้โลกทุกวันนี้ มีโทรศัพท์ที่ไร้ปุ่มอย่างสมาร์ทโฟนใช้ เพราะความ “คิดต่าง” แล้วคิดต่างดีอย่างไร?
คิดง่ายๆ หากคนทั้งโลกเชื่อทุกสิ่งอย่างตามกันหมด โดยไม่มีการคิดต่าง ทุกวันนี้เราจะเชื่อว่าโลกยังแบน เราจะไม่กล้าล่องเรือไปเพราะเดี่ยวจะตกขอบโลก
คิดต่างกว่าดวงอาทิย์ แสงดาวเป็นสิ่งเดียวที่มอบความส่วางไสวมาสู่โลก ป่านนี้เราจะยังคงจุดตะเกียงเทียนกันอยู่ โลกมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้เพราะเรา… “คิดต่าง”
และ Apple คือ แบรนด์ต้นแบบสำหรับวลีนี้ พนักงานทุกคนถูกปลูกฝังให้ Think different จนมันเป็น คำภีร์ของสำเร็จ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องน่าศึกษา สำหรับแนวคิดดังกล่าวที่ สตีฟ โทบัก นักเขียน ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีผู้คว่ำหวอดมากว่า 20 ปี ได้คัดกรองออกมา ดังนี้!!
1. เสริมสร้างให้พนักงานคิดต่าง – พนักงานคนหนึ่งของแอปเปิลกล่าวว่า สตีฟ จ็อบส์ มักจะพูดเสมอว่าเราต้องทำสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น และเขาเชื่อว่าพวกเราทำได้
2. สิ่งที่สำคัญ คือ การให้คุณค่า อย่าใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย – พนักงานของแอปเปิลทุกคนเห็นว่าออฟฟิศเป็นสถานที่ที่สนุกที่จะทำงาน ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่กันอย่างไร้กฎระเบียบ ใครจะทำอะไรก็ได้ แต่ว่างานต้องเสร็จเรียบร้อย ซึ่งโทบักเคยเข้าประชุมร่วมกับผู้บริหารของแอปเปิล ที่มาร่วมประชุมด้วยเท้าเปล่า ที่น่าแปลกก็คือไม่มีใครสังเกตเห็นซะด้วยซ้ำ
3. รักและใส่ใจกับผู้ริเริ่มสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
4. ทำทุกสิ่งที่สำคัญ และทำจากใจ – โทบักต้องข้อสังเกตว่า การบริหารงานของแอปเปิลนั้นจะไม่มีการแยกฝ่ายกันอย่างชัดเจน ทุกอย่างต้องทำภายใต้การรับผิดชอบร่วมกัน
5. ดูแลการตลาดอย่างใกล้ชิด – จ็อบส์ให้ความสำคัญกับการทำการตลาดเป็นอย่างมาก โดยแอปเปิลจะไม่มีการจ้างบริษัทอื่นเพื่อมาทำการวิจัยทางการตลาด แต่พวกเขามีทีมเป็นของตัวเองในการรับผิดชอบเรื่องนี้
6. ควบคุมสาส์นที่จะสื่อออกไปถึงผู้บริโภค – ซึ่งแอปเปิลจะมีวิธีการในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และการประชาสัมพันธ์บริษัทที่ แตกต่างจากบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
7. สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้ – พนักงานของแอปเปิลรู้ซึ้งถึงแนวคิดนี้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ระหว่างการเปิดตัวไอโฟน 4 ซึ่งเป็นช่วงที่พนักงานทุกคนทำงานอย่างหนัก ผู้บริหารก็สั่งอาหารอย่างดีมาให้ บางสาขาถึงกับลงทุนจ้างพนักงานนวดมาเพื่อนวดคลายเส้นให้แก่พนักงานของแอ ปเปิลโดยเฉพาะ
8. อย่าปล่อยให้คนทำงานแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องปล่อยให้พวกเขาทำงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ – จ็อบส์เคยกล่าวเอาไว้ว่า หน้าที่หลักของเขาคือทำยังไงให้พนักงานทำงานดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคำตอบก็คือ เขาจะต้องคอยผลักดันให้พนักงานทุกคนก้าวหน้า
9. เมื่อคุณค้นพบว่าสิ่งนั้นทำแล้วได้ผล จงทำต่อไปเรื่อยๆ – แอปเปิลเป็นบริษัทที่ทำในสิ่งที่ตนเองถนัด และพัฒนาจนสิ่งนั้นๆล้ำหน้ากว่าคนอื่น
10. การคิดต่าง – จ็อบส์เคยกล่าวไว้ในงานวันรับปริญญาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดว่า อย่าปล่อยให้เสียงหรือความคิดของคนอื่น ดังกว่าเสียงหรือความคิดของตัวคุณเอง ดังนั้น ไม่ว่าสิ่งที่คุณคิดจะแตกต่างจากคนอื่นแค่ไหน จงเชื่อมั่นและทำต่อไป
> ปฏิบัติจิตใจ บทเริ่มต้นของความมั่งคั่งร่ำรวยที่ยั่งยืน
ปฏิบัติจิตใจ
บทเริ่มต้นของความมั่งคั่งร่ำรวยที่ยั่งยืน
..หลายคนถามว่า ทำอะไรในทางพระพุทธศาสนาบ้างที่ทำให้เราร่ำรวยขึ้น .. เราจะทำบุญประเภทไหนก็ได้ ขอแค่ให้เรารู้สึกอิ่มเอิบใจมากมาย และเราไม่รู้สึกจนลง เราจะทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เรารู้สึกรวยขึ้น รู้สึกดีขึ้น ซึ่งไม่จำกัดว่าจะเป็นกิจกรรมใด ซึ่งบางคนก็ชอบช่วยเหลือเด็กยากจน คนไร้ญาติ บ้านพักคนชรา เด็กและเยาวชนในสถานพินิจฯ และอื่นๆอีกหลายกิจกรรมมากมาย ซึ่งวันนี้ผมจะมาขอบอกกิจกรรมบุญ หรือบุญที่ทำแล้วส่งผลให้เรารวย บุญที่ทำให้รวย นั้นเอง บุญที่ทำให้รวยมีอะไรบ้าง ผมจะขอแยกเป็นหัวข้อดังนี้นะครับ
1. การถือศีล ศีลถือว่าเป็นคุณสมบัติหรือหลักธรรมอันดับแรกของมนุษย์สามัญชนเลยทีเดียว พยายามรักษาศีล 5 ให้ได้ในทุกวัน และหากเป็นวันพระก็ให้รักษาศีล 8 ให้ได้ รับรองว่าเราจะอยู่ในศีลธรรม อันส่งผลให้เรารู้สึกดี มีความสุขแล้วเราจะดึงดูดสิ่งดีเข้ามาในชีวิตเพิ่มมากขึ้น..
2. ไปทำบุญที่วัดใกล้บ้าน ด้วยการไหว้พระ ถวายดอกไม้ ถวายสังฆทาน ปล่อยนกปล่อยปลา และกิจกรรมอื่นอันช่วยจรรโลงจิตใจของเราให้มั่งมี ถ้าเมื่อไหร่เรารู้สึกจน รู้สึกลำบาก ของให้เงินกับพระสงฆ์ หรือให้กับคนยากจน แล้วบอกตัวเองว่าการให้ในครั้งนี้เพื่อสละความตระหนี่ถี่เหนียว ที่มันเกาะกุมในหัวจิตหัวใจและคอยขัดขวางเขาไม่ให้ร่ำรวย ลองนำไปใช้ดู เพราะมนุษย์เราทุกคนเกิดมาร่ำรวย เพียงแต่ถูกจิตใจแห่งความคับแคบนั้นหละที่ขัดขวางความร่ำรวย
3. ทำบุญถวายโลงศพให้กับศพไร้ญาติที่เสียชีวิต อันนี้จะช่วยคนตายได้มากเลยทีเดียว และซื้อหนังสือธรรมมะ การให้ที่ยิ่งใหญ่คือการให้ธรรมะแก่ผู้ไม่รู้ โดยเฉพาะผู้ไม่เคยอยู่ในศีลธรรมเลย
4. ฝึกนิสัยตนเองให้มีความเมตตา กรุณา ช่วยเหลือผู้อื่น ด้วยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า รับรองได้ว่าเราจะมีนิสัยใจคอเผื่อแพร่ คิดแต่การให้ผู้อื่น แล้วโลกภายในเราจะเปิดรับความมั่งคั่งร่ำรวย
5. ให้ความรู้แก่ผู้อื่น ช่วยผู้อื่นแก้ปัญหา ลองดูคนรอบข้างเราสิว่า เขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า แล้วเราจะช่วยเขาได้หรือไม่ ถ้าช่วยผู้อื่นแก้ปัญหาจะทำให้เรามั่งคั่งร่ำรวยอย่างแน่นอน
6. กิจกรรมอื่นที่เราสนใจและชอบ ในการให้ทาน อันได้แก่ของนอกกาย ของในกาย และให้บางอย่างที่เราให้ได้โดยไม่เดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น ทำไปเลย อย่ากัก อย่าเก็บ เราเกิดมาในโลกใบนี้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แล้วเราจะมีความสุข
และนี้คือกิจกรรมบุญที่จะทำให้เรามั่งคั่งร่ำรวยอย่างแน่นอน ถ้าวันหยุดไม่รู้จะไปไหนของหากิจกรรมอันสร้างสรรค์และได้ช่วยเหลือผู้อื่นดู เพราะความมั่งคั่งร่ำรวยเกิดจากการแบ่งปันให้ผู้อื่น ขอให้ความสุขกับการแบ่งปัน บุญที่ทำให้รวย และ อย่าลืมหลักการให้ทาน..
*********************************************
วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559
> งานที่ดี... ในสายตาคน 4 Generation » โดย อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง)
» งานที่ดี... ในสายตาคน 4 Generation
» โดย อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง)
ย้อนกลับไปซัก 40 ปีก่อน...
คำว่า 'งานที่ดี' ในสายตาคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์
พวกเขาได้รับการสอนมาว่า ให้ตั้งใจเรียน จบมารับราชการ ทำงานรัฐวิสาหกิจ เป็นเจ้าคนนายคน
งานมั่นคงที่สุด ไม่มีเลย์ออฟ ชามเหล็กตกไม่แตก มีกินมีใช้
บางคนมีรถหลวงบ้านหลวงอยู่อ
ถึงกับมีคำกล่าวว่า 'สิบพ่อค้าไม่เท่าหนึ่งพระย
แต่ในยุคปัจจุบัน..
ปัญหาคือ เงินเดือนเริ่มต้นของงานราช
โอกาสในการเติบโตก็ยากกว่าเ
โอกาสในการแสดงความสามารถขอ
และยังมีระบบพิเศษที่ผูกติด
ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุที่ 'คนรุ่นใหม่' ที่ต้องการความสำเร็จเร็ว จึงมักจะปฏิเสธงานราชการ
.
-------------------------- --------
ย้อนกลับไปซัก 20-30 ปีก่อน...
คำว่า 'งานที่ดี' ในสายตาคนรุ่นเจนเนอเรชั่น X (ปัจจุบันอายุช่วง 36-51 ปี) คืองานในองค์กรเอกชน เงินเดือนสูง
ยิ่งถ้ามีความมั่นคงด้วยแบบ
โอกาสในการไต่เต้า (career path) เปิดกว้าง ทำงานซัก 20 ปีก็ได้เป็นผู้จัดการ ผู้อำนวยการ หลังอายุ 40 ปี มีทั้งเงินเดือนสูง มีทั้งตำแหน่งสูง
แต่ในยุคปัจจุบัน..ปัญหาของ
ท่านเชื่อหรือไม่ว่า เงินเดือนวิศวกรสตาร์ท 15,000 บาท เป็นเงินเดือนเริ่มต้นตั้งแ
กระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีห
เพราะคนปลายยุคเบบี้บูมเมอร
และที่สำคัญที่สุด อัตราการขึ้นเงินเดือนที่เค
.
-------------------------- --------
.ย้อนกลับไปซัก 10 ปีก่อน...
คำว่า 'งานที่ดี' ในสายตาคนรุ่นเจนเนอเรชั่นY
คนเจน Y ที่เติบโตมากับเทคโนโลยีคงร
มีข่าวการเลย์ออฟไล่ออกให้ไ
ในขณะที่คนเจน Y ต้องการทุ่มเททำงานหนักเพื่
ต้องการการยอมรับ ต้องการจับงานใหญ่ ต้องการทำงานหนัก 5-10 ปี แล้วคุ้มค่ากับการทุ่มเท ...
นี่จึงเป็นที่มาของงาน“ฟรีแ
แต่ถ้าเมื่อไหร่ได้เป็นมือว
กระแสการทำงานฟรีแลนซ์เริ่ม
ฟรีแลนซ์ถ่ายภาพ ฟรีแลนซ์เขียนโปรแกรม ฟรีแลนซ์ที่ปรึกษาธุรกิจ ฟรีแลนซ์วิทยากร ฯลฯ
แปลตรงตัวก็คือ ผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพนั้น
.
-------------------------- --------
.
เข้าสู่ยุคปัจจุบัน...คนเจน Y ปีสุดท้ายได้เข้าสู่ตลาดแรง งานกันหมดแล้ว
และกำลังมีคนเจนเนอเรชั่นให ม่คือ เจน Z (ปัจจุบันอายุช่วง 21 ปีลงมา) กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงานตั้ง แต่ปีนี้เป็นต้นไป
คนเจน Z ที่เกิดและเติบโตมากับเทคโน
คนเจน Z ยิ่งต้องการความสำเร็จเร็วม
หากคนเจน Y คือคนรุ่นใหม่ ที่นิยมลาออกจากงานประจำ มาเป็นฟรีแลนซ์ คนเจน Z คือคนรุ่นใหม่กว่า ที่ไม่นิยมการเข้ามาเริ่มทำ
แต่จะมุ่งตรงไปที่การเป็นฟร
ทีนี้ เกิดคำถามว่า จำนวนงานจะเพียงพอเลี้ยงตัว
ในเมื่อประสบการณ์และอายุงา
นี่จึงเป็นที่มาของการรับทำ
ในอเมริกาเรียกรูปแบบการทำง
ซึ่งแตกต่างจากฟรีแลนซ์ที่ท
.
-------------------------- --------
.ตัวอย่างของ Gig Economy เช่น...
นายสมชาย คนเจน Z เพิ่งเรียนจบ อาจจะรับงานหลาย Gig โดยมีทั้ง ขายของในไอจี(Instagram)ในช
หรือช่วงเย็นของบางวัน ...อาจรับนักท่องเที่ยวต่าง
นายสมชายจึงเป็นคนที่มีรายไ
เทรนด์นี้กำลังมาและจะทวีคว
.
-------------------------- --------
การเกิด Gig Economy มีปัจจัยสำคัญดังนี้...
1. อินเทอร์เนต โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน
2. แอพพลิเคชั่น พัฒนาการของโลกแอพ ไปไกลมาก
โลกเรามีโซเชียลมีเดียที่ใช
เรามีแอพแชทสื่อสารอย่าง WhatsApp และ LINE
และ กำลังมีแอพยุคใหม่ ที่เอื้อให้คนทำงานได้มากขึ
3. คนรุ่นใหม่ ผู้นำในโลกยุค 10 ปีข้างหน้า กำลังจะถูกขับเคลื่อนโดยคนเ
ซึ่งเป็นคนที่เติบโตมากับเท
.
-------------------------- --------
.
สิ่งที่ผลักดันคนเจน Y และ Z ให้หันมาทำ “งานไม่ประจำ ทำหลายจ๊อบ”มากขึ้น
ผมคิดว่ามีเรื่องมุมมองต่อค
พวกเขาสงสัยอย่างยิ่งว่า …
• เงินเดือน 15,000-18,000 บาท จะสร้างความมั่นคงในชีวิตได
• อัตราการขึ้นเงินเดือน 3-5% หรืออย่างเก่ง 10% จะสร้างความมั่นคงในชีวิตได
• การไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งบร
.
-------------------------- --------
.
ดังนั้น Gig Economy งานไม่ประจำ ทำหลายจ๊อบ จึงเป็นโอกาส เป็นความท้าทาย และเป็นทางเลือกที่คนรุ่นให
...ตอบโจทย์ความเป็นผู้ประก
...ตอบโจทย์ความท้าทายในชีว
...ตอบโจทย์ความเป็นเจ้านาย
...บริหารจัดการเวลาของตัวเ
Gig Economy ยังเติมเต็มความต้องการเบื้
เพราะพวกเขาเห็นพ่อแม่ทำงาน
ชีวิตทำงานจึงไม่ได้ใช้ชีวิ
.
-------------------------- --------
คำแนะนำ 3 ข้อของผม สำหรับคนเจน Y และ Z ที่จะเข้าสู่ Gig Economy อย่างเต็มตัวในอนาคตอันใกล้นี้ คือ...
2. จงเป็นเจ้านายตัวเองอย่างมี
3. จงเป็นมนุษย์เกิน 100… ด้วยความที่ต้องทำงานหลายจ๊
การเป็นมนุษย์เกิน 100% เหยียบเรือหลายแคม ต้องใช้พลังกายพลังใจสูง
จริงอยู่ ว่างานไม่ประจำทำหลายจ๊อบ อาจจะไม่เหมาะกับคนเจน Y,Z ทุกคน ซึ่งก็ต้องดูจริต ดูจังหวะชีวิตของแต่ละคน
แต่ผมมีความเชื่อลึก ๆ ว่า คนรุ่นใหม่ต้องการความยืดหย
.
-------------------------- --------
.
งานลักษณะนี้...จึงน่าจะเป็
ที่อเมริกามีคนทำงานไม่ประจ
...เยอะมากใช่เล่นครับ
ถึงขนาดที่เรื่อง Gig Economy เป็นประเด็นในการหาเสียง ของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธา
พูดถึงนโยบายการส่งเสริม Gig Economy ว่าจะทำอย่างไร
โดยใช้คำเรียกเศรษฐกิจยุคให
งานไม่ประจำ ทำหลายจ๊อบ ...เทรนด์นี้มาแน่ ๆ ครับ
.
-------------------------- --------
.
Credit บทความ : อธิป กีรติพิชญ์ (นิ้วโป้ง) | CEO Blogs - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์
.
**************************************************
บริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด
อยากเป็นตัวแทน/นายหน้า ขายประกันรถยนต์
ส่งงานได้มากกว่า 30 บริษัทประกันภัย หรือ
เรียนรู้ธุรกิจได้ง่ายๆ ด้วยการสมัครสมาชิก เพียง 250 บาท
"แค่ซื้อใช้เองก็คุ้มแล้ว"
"แค่ซื้อใช้เองก็คุ้มแล้ว"
รับสมัคร สมาชิก /ตัวแทน/นายหน้า
โดยตัวแทน/นายหน้า สัมพันธ์ กิตติวรวิศาล ( ชาย ) (รหัสผู้แนะนำ AM00062781)
ผมจะทำให้คนที่มีรถยนต์ ซื้อประกันรถ....ดีที่สุด... และถูกที่สุด.√... ครับ”
ใบอนุญาตเลขที่ 5804004537
ยินดีให้คำปรึกษาเพื่อนสมาชิก และบุคคลทั่วไป เรื่องประกันภัย ทุกประเภท และทุกเรื่อง ..ฟรี..!!!
เราจะเรียนรู้เรื่องประกันภัยไปพร้อมๆกัน..!!
**ผมไม่เชื่อว่า คนที่มาทีหลังจะเป็นผู้ตามเสมอ**
โทร : 095-887-616-7 Ais
โทร : 095-887-616-8 True
Email : mangkonwari@hotmail.com
facebook : https://www.facebook.com/CheckPraKunRod/
วิธีที่ 2
หากไม่สะดวก ดาวโหลดใบสมัคร
ท่านสามารถกรอกใบสมัคร ด้านล่างนี้
กรุณากรอกรายละเอียด
เพื่อเป็นข้อมูล
ท่านสามารถกรอกใบสมัคร ด้านล่างนี้
กรุณากรอกรายละเอียด
เพื่อเป็นข้อมูล
"ในการสมัครสมาชิก"
วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559
> 95 คมความคิด นักธุรกิจระดับโลก (ที่โรงเรียนไม่เคยสอนคุณ)
95
คมความคิด นักธุรกิจระดับโลก
(ที่โรงเรียนไม่เคยสอนคุณ)
Credit unsplash
Credit flickr
ถ้าถามว่า อะไรทำให้คนหลายล้านคนบนโลกนี้แตกต่างกัน ถ้าโอกาสการเข้าถึงแหล่งความรู้เท่าเทียมกัน คำตอบคือ “ความคิด” ถ้าความคิดเป็นสิ่งที่ทำให้คนแตกต่างกัน คนเก่งในโลกล้วนมีมากมาย ทำไมคนฉลาดบางคนถึงไม่รวย คำตอบคือ “ความเชื่อ” ถ้าความเชื่อเป็นเส้นแบ่งคนสำเร็จกับคนล้มเหลว ทำไมบางคนยังจนเท่าเดิม อีกคนรวยมากขึ้น มากขึ้นจนมองไม่เห็นเพดาน คำตอบคือ “การหาหลักฐานสนับสนุนความเชื่อนั้นจนสำเร็จ” บทความนี้ผมได้รวบรวม คมความคิด นักธุรกิจระดับโลก เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เป็นข้อคิดให้ผู้อ่าน Leaderwings นำเอาไปปรับใช้ในชีวิต ธุรกิจ และก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคตด้วยกันครับ
95 คมความคิด นักธุรกิจระดับโลก (ที่โรงเรียนไม่เคยสอนคุณ)
Credit flickr
บิล เกตส์ (Bill Gate) – เจ้าพ่อ Microsoft
1. ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก ทำความเคยชินกับมันซะเถอะ
2. โลกไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่โลกนี้คาดหวัง “ความสำเร็จ” ที่เกิดจากความมั่นใจของคุณต่างหาก
3. ไม่มีทางที่คุณจะทำเงินได้ปีละ 60,000 เหรียญ หรือเกือบ 2 ล้านบาท ทันทีที่คุณเพิ่งจบมัธยม และก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เป็นประธานบริษัทมีรถประจำตำแหน่งพร้อมโทรศัพท์ในรถส่วนตัวด้วย
4. ถ้าคุณคิดว่า อาจารย์กำลังสอนบทเรียนอันน่าเบื่อ ก็ลองไปทำงานแล้วเจอกับเจ้านายดู แล้วคุณจะรู้ว่าอะไรน่าเหนื่อยอ่อนกว่ากัน
5. มันเป็นเรื่องดีที่จะฉลองให้กับความสำเร็จ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการระมัดระวังบทเรียนของความล้มเหลว
6. ชีวิตที่ยุ่งเหยิงของคุณ ไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่ เลิกคร่ำครวญให้กับสิ่งที่ทำพลาดไปแล้ว แต่ “จงเรียนรู้จากมันซะ”
7. ก่อนที่คุณจะเกิด พ่อแม่ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่คุณรู้สึกตอนนี้ พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าบิลต่างๆ และต้องซักผ้าให้คุณ พวกเขาต้องอดทนฟังคุณคุยโอ้อวดในเรื่องไร้สาระ ดังนั้นถ้าคุณคิดจะทำเรื่องใหญ่ๆ หรืออะไรก็ตาม ช่วยเก็บตู้เสื้อผ้ารกๆ ของคุณให้สะอาดซะก่อน
8. ชีวิตในโรงเรียนอาจตัดสินคุณว่า เป็นผู้ชนะหรือแพ้ แต่ชีวิตจริง “ไม่ใช่” บางโรงเรียนสอนการเป็นผู้แพ้ด้วยซ้ำไป แถมยังให้โอกาสคุณมากมายในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
9. ชีวิตไม่ได้แบ่งเป็นเทอมๆ เป็นภาคการเรียนๆ ไม่ได้มีช่วงซัมเมอร์ให้คุณค้นหาตัวตน!!
10. สิ่งที่เกิดขึ้นในโทรทัศน์ ไม่ใช่ชีวิตจริง ผู้คนต้องรีบเช็คบิลจากร้านกาแฟ และตรงไปที่ทำงาน (เราจะเห็นว่าละครส่วนใหญ่คนมักจะออกจากที่ทำงานมาคุยกันที่ร้านกาแฟ)
11. จงเป็นมิตรกับความ “เนิร์ด” แล้วชีวิตคุณจะไม่ต้องเป็นลูกจ้างใครอีกคน
12. คนเรามักจะประเมินค่าไว้สูงในการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอีกสองปี และประมาทกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบปี จงอย่าไว้วางใจในความเกียจคร้านของตนเอง
13. ความอดทนเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จ
14. ถ้าคุณไม่สามารถทำให้มันให้ดีได้ อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้มันดูดี
15. เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น ส่วนการสร้างแรงจูงใจและให้พวกเขาทำงานร่วมกันได้ดีนั้น ครูถือเป็นอาชีพที่สำคัญที่สุด
16. จงสนุกสนานและเต็มที่กับทุกช่วงเวลาที่คุณสามารถทำได้ ถึงแม้การอยู่โรงเรียนจะน่าเบื่อและรู้สึกเหมือนโดนกดดัน แต่วันหนึ่งคุณจะรู้ว่าการเป็นเด็กนั้นมหัศจรรย์แค่ไหน บางทีคุณควรจะเริ่มสนุกกับชีวิตตั้งแต่ตอนนี้
1. จงกระหาย และ ทำตัวโง่ให้ตลอดเวลา
เพราะถ้าเมื่อไหร่เราอิ่ม และ เรารู้สึกว่าตัวเองฉลาด เราจะไม่มีทางพัฒนา
2. นวัตกรรมแยกผู้นำกับผู้ตามออกจากกัน
3. ถ้า Apple เป็นที่ที่คอมพิวเตอร์กลายเป็นสิ่งที่ธรรมดา ความน่าตื่นตาหายไป และคนลืมไปว่า คอมพิวเตอร์ คือ สิ่งประดิษฐ์ที่มหัศจรรย์ที่สุดที่มนุษย์เคยรังสรรค์ขึ้นมา ผมคงรู้สึกว่าผมสูญเสีย Apple ไป แต่ถ้าผมอยู่ห่างออกไปแสนไกลแล้ว แต่คนยังรู้สึกแบบแบบนั้น (Apple ยังตื่นตาและรู้ว่าคอมพิวเตอร์คือสิ่งที่ดีที่สุด) ผมคงรู้สึกว่าพันธุกรรมของผมยังคงอยู่ที่นั่น
4. ในบางครั้งเมื่อคุณสร้างนวัตกรรม คุณก็สร้างสิ่งที่ผิดพลาด สิ่งที่ดีที่สุดคือ คุณยอมรับความผิดพลาดนั้นอย่างรวดเร็ว และพัฒนามันในนวัตกรรมอื่นๆของคุณ
5. จงเป็นมาตรฐานของคุณภาพ เพราะคนบางคนไม่ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ความสุดยอดเป็นที่ต้องการ
6. หน้าที่ของผมไม่ใช่การทำตัวดีกับผู้คน หน้าที่ของผมคือช่วยให้พวกเขาดีขึ้น
7. เมื่อคุณเป็นช่างไม้ที่สร้างตู้ลิ้นชักที่สวยงาม คุณคงจะไม่ใช้แค่ไม้อัดที่ด้านหลัง ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ติดกับกำแพงและไม่มีใครจะเห็นมัน แต่คุณเองที่รู้ว่ามันอยู่ตรงนั้น ดังนั้นจงใช้ชิ้นไม้ที่สวยในด้านหลังเช่นกัน เพื่อจะทำให้คุณหลับสบายตอนกลางคืน เพราะความสวยงามและคุณภาพจะต้องดำเนินตลอดไป
8. คนส่วนใหญ่คิดว่าความตั้งใจหมายถึงการพูดว่า ใช่ ในสิ่งที่คุณสนใจ แต่มันไม่ใช่เลย มันหมายถึงการปฏิเสธไอเดียดีๆอื่นอีกหลายร้อยแบบที่มี คุณจะต้องเลือกทำอย่างระมัดระวัง
9. ตำแหน่งของผมตอนกลับมาที่ Apple คือตอนที่อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์กำลังอยู่ในช่วงโคม่า ซึ่งนั่นทำให้ผมนึกถึง อุตสาหกรรมรถยนต์ปี ช่วงปี 1970 ที่รถอเมริกัน คือ เรือติดล้อ
10. การออกแบบ คือคำที่ตลกนะ คนบางคนคิดว่าการออกแบบหมายถึงว่า ภาพลักษณ์ที่เห็นด้วยตา แต่จริงๆแล้ว ถ้าคุณดูให้ลึกลงไป จริงๆ แล้วมันคือว่า มันทำงานอย่างไรมากกว่า การออกแบบ Mac จึงไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่ตาเห็น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่มันสำคัญตรงที่มันทำงานอย่างไร การออกแบบบางอย่างให้ดี คุณต้องเข้าใจมันก่อน คุณต้องเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งว่ามันคืออะไร
11. ความง่ายจริงๆ แล้วยากกว่าความซับซ้อน เพราะคุณจะต้องทำงานหนักเพื่อให้คุณคิดว่าจะทำอย่างไรให้มันง่าย แต่สุดท้ายมันสุดแสนคุ้มค่าที่จะทำ เพราะคุณจะสามารถเคลื่อนภูเขาได้ง่ายดาย
12.การเป็นชายที่รวยที่สุดในสุสาน มันไม่ได้สำคัญอะไรกับผมเลย การได้พูดกับตัวเองก่อนนอนว่า เราได้ทำบางสิ่งที่สุดยอด นั่นต่างหากที่สำคัญสำหรับผม
13. นวัตกรรม ไม่ได้มีความเกี่ยวอะไรกับจำนวนเงินที่คุณลงทุนในการวิจัยและพัฒนาแม้แต่น้อย เพราะตอน Apple เปิดตัว Mac, IBM ใช้เงินมากกว่า 100 เท่าในการวิจัยและพัฒนา มันไม่เกี่ยวกับเงิน มันเกี่ยวกับคนที่คุณมี คุณนำทางพวกเขาอย่างไร และ คุณเข้าใจมันมากแค่ไหน
14. นวัตกรรมมาจากการปฏิเสธให้กับ 1,000 อย่าง ที่ทำให้เราจะมั่นใจว่าเราไม่ไปในทางที่ผิดหรือลองทำมันมากจนเกินไป เรามักจะคิดเกี่ยวกับตลาดใหม่ที่เราจะเข้าไป แต่ถ้าเราแค่ปฎิเสธบางสิ่งที่ทำให้คุณสามารถตั้งใจกับสิ่งที่สำคัญก็พอแล้ว
15. งานของคุณคือการเติมเต็มในสิ่งที่สำคัญในชีวิตคุณ และทางเดียวที่จะพอใจได้คือการทำในสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันคือสิ่งที่ดี และทางเดียวที่จะทำงานที่ดีได้คือรักในสิ่งที่คุณทำ ถ้าคุณหามันไม่เจอ ก็หามันต่อไป อย่าหยุด ทุกสิ่งที่สำคัญมันอยู่ในใจคุณ คุณจะรู้เองเมื่อใจมัน และ เหมือนกับเรื่องความสัมพันธ์ คุณจะทำมันดีขึ้นในทุกๆปี จงมองหามันจนกว่าจะเจอ อย่าหยุด
16. ตอนผมอายุ 17 ผมอ่านคำคมที่เกี่ยวกับว่า จงใช้ชีวิตในทุกวันให้เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วซักวันหนึ่งคุณจะอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง นั่นทำให้ผมประทับใจและจดจำ ตั้งแต่วันนั้นผ่านมา 33 ปี ผมดูตัวเองในกระจกทุกเช้าแล้วถามตัวเอง ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของผม ผมอยากจะทำอะไรในวันนี้ที่ต้องทำหรือไม่ และ ถ้าในกระจกตอบว่าไม่หลายวันติดกัน ผมก็รุ้แล้วว่าผมต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
17. เวลาของคุณมีจำกัด อย่าเสียเวลาไปอยู่ในชีวิตของคนอื่น อย่าไปอยู่ในกฎ เพราะนั่นหมายถึงการใช้ชีวิตในผลลัพธ์ที่ผู้อื่นคิด อย่าให้เสียงของคนอื่นมาเอาชนะเสียงภายในตัวคุณ และสิ่งที่สำคัญที่สุด จงมีความกล้าพอที่จะตามสัญชาติญาณและใจของคุณ เพราะมันรู้อยู่แล้วว่าคุณจริงๆแล้วต้องการจะเป็นอะไร สิ่งอื่นๆคือสิ่งที่รองลงไป
18. ผมถูกถามเสมอว่าทำไมลูกค้า Apple ถึงได้จงรักภักดีขนาดนี้ ผมว่ามันไม่ใช่เพราะเค้าเป็นสมาชิกอยู่ในโบสถ์ของ Mac นะนั่นมันไร้สาระ มันเป็นเพราะเขาซื้อสินค้า แล้วสามเดือนหลังจากนั้นเขาเจอปัญหาอะไรบางอย่าง แล้วเขาแก้มันได้อย่างรวดเร็วด้วยตัวเอง แล้วเขาก็รู้สึกว่า ว้าวบางคนใน Apple คิดถึงเรื่องนี้ด้วย
19. การได้ระลึกเสมอว่าผมจะตายในเร็ววันนี้คือเครื่องมือที่สำคัญที่สุดที่ผมเคยพบเจอซึ่งมันช่วยผมในการตัดสินใจเลือกสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต เพราะเกือบทุกอย่าง รวมถึงความคาดหวังจากภายนอก ความภูมิใจ ความกลัวในความน่าอาย หรือ ล้มเหลว พวกนั้นมันหายไปทันทีเมื่อคุณเผชิญหน้ากับความตาย และมันจะหลงเหลือแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ การระลึกได้ว่าคุณกำลังจะตาย จึงเป็นทางที่ดีที่สุดให้ผมรู้ว่าจะหลีกเลี่ยงกับดักทางความคิดที่คุณมีเรื่องคุณมีอะไรจะเสีย จริงๆแล้วคุณกำลังเปลือย มันไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้คุณไม่ทำตามใจของคุณ
1. เอาชนะคนที่เคยดูถูกเราให้ได้… . โดยเฉพาะแฟนเก่า!
เพราะสมัยที่เรียน Mark Zuckerberg เคยถูกแฟนทิ้ง ตอนนั้น Mark ทำตัวเละเทะมากจนถูกแฟนเก่าตราหน้าว่าไม่มีวันสำเร็จ
2. อย่าปล่อยให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักคุณดี มาทำลายจุดยืนของคุณ
Mark ไม่เคยสนใจคำครหาของใครๆที่เข้ามาดูถูกเขาหรือมองว่าเขาจะทำไม่ได้
3. ทำในสิ่งที่รักและรักในสิ่งที่ทำ
การทำให้สิ่งที่รักย่อมทำได้ง่ายและดีกว่าสิ่งที่ไม่ชอบเสมอ
4. ผู้นำที่ดีต้องปลุกยักษ์ที่ซ่อนอยู่ในตัวคนรอบข้างได้
ถ้าผู้นำยังไม่กล้าที่จะปลุกพลังในตัวเองออกมา อย่าไปคิดถึงลูกน้องเลยว่าจะมีมอบพลังให้กับองค์กรได้แค่ไหน
5. แสดงให้ทุกคนได้รู้ว่าคุณคือผู้นำองค์กรตัวจริง
ผู้นำดี ลูกน้องก็อยากเดินตาม
6. ตัวคุณเก่งอย่างเดียวไม่ได้ คุณต้องสร้างทีมให้เก่งเหมือนคุณด้วย
การทำงานถ้าหัวหน้าเก่งอยากเดียว หัวหน้าก็คงจะทำงานคนเดียวได้ แต่การทำงานทุกอย่างต้องอาศัย ทีม ถ้าทีมเก่งงานก็จะไปต่อได้ดี และได้เร็ว
7. อย่าให้ความคิดเห็นคนรอบข้างปิดประตูความคิดสร้างสรรค์ของเคุณ
การทำงานของ Mark Zuckerberg เริ่มมาจากความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองและเพื่อนๆ ใครจะอะไร ใครจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เขาก็ไม่สนใจ
8. อย่าเสียงานเพียงเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อน
ตอนที่ Mark Zuckerberg สร้าง Facebook เขาไม่ได้สร้างแค่คนเดียว เขายังคงร่วมมือสร้างกับเพื่อนๆของเขา แต่ในการทำงานทุกอย่างก็คงไม่ได้ลงรอยกัน แต่เราต้องหาตรงกลางของกันและกันเพื่อให้งานเดินต่อไปได้
9. อย่าให้ใครมาระบายสีให้ชีวิตเรา
ชีวิตของเรา เราเลือกเองได้ อย่าให้ใครมาขีดเส้น หรือ ระบายสี เพื่อให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ
10. อยากประสบความสำเร็จ ต้องฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง
ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความฝันของเรา แต่อยู่ที่ว่าผันแล้วเราจะเดินไปตามความฝันนั้นของเราหรือไม่
1. คนเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตและหาประสบการณ์ชีวิต
2. ผมบอกกับตัวเองเสมอว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงาน แต่เพื่อสนุกกับชีวิต และเราเกิดมาเพื่อทำสิ่งที่ดีกว่า ไม่ได้เพื่อทำงาน
3. ทัศนคติของคุณนั้นสำคัญกว่าความสามารถ และ การตัดสินใจของคุณนั้นก็สำคัญกว่าความสามารถ
4. โลกนี้จำไม่ได้หรอกว่าคุณพูดอะไรไป แต่จะไม่ลืมสิ่งที่คุณทำ
5. ถ้าหากมีข้อเสนอนึงมาให้ แล้วคนส่วนใหญ่ (มากกว่า 90%) ตอบว่าข้อเสนอนี้มัน “ใช่”, ผมจะทิ้งข้อเสนอนั้นลงถังขยะในทันที ..เหตุผลง่ายนิดเดียวคือ “ถ้าหากมีคนอยู่เยอะที่คิดว่าข้อเสนอนี้ดี แสดงว่าต้องมีคนอยู่อีกเยอะเช่นกันที่กำลังทำงานนี้อยู่ และโอกาสนั้นมันก็ไม่ได้เป็นของเราแล้ว”
6. คุณไม่สามารถที่จะทำให้คนทุกคนคิดเหมือนกันได้หรอก แต่คุณสามารถทำให้ทุกคนก้าวไปทางเดียวกันได้ด้วยเป้าหมายเดียวกัน
7. หากคุณมองทุกคนรอบตัวเป็นศัตรู ทุกคนรอบตัวคุณก็จะเป็นศัตรูของคุณ หากคุณทำการแข่งขันกับคู่แข่ง อย่าพยายามใช้ความเกลียดชัง “ความเกลียดจะทำให้คุณพ่ายแพ้”
8. การแข่งขันนั้นคล้ายกับการเล่นหมากกระดานหากคุณแพ้กระดานนี้ คุณก็มีโอกาสเล่นต่อในกระดานต่อไป ดังนั้นทั้งสองฝั่งไม่ควรจะสู้กันเอง นักธุรกิจที่แท้จริงนั้นไม่ควรมีศัตรูเลย หากใครเข้าใจจุดนี้ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในโลกธุรกิจ”
9. ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าผมจะล้มเหลวบ้าง อย่างน้อย ผมก็ได้ส่งต่อแนวความคิดของผมให้แก่ผู้อื่นแล้ว และแม้ว่าสุดท้ายจะไม่ใช่ผมที่ประสบผลสำเร็จในเรื่องนั้นๆ ผมเชื่อว่า มันต้องมีสักคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องเดียวกันนี้บ้างล่ะ
10. จงเรียนรู้จากคู่แข่งขัน แต่อย่าลอกเลียนแบบ การลอกเลียนแบบคือหนทางนำไปสู่ความล้มเหลว
11. ถ้าเราเป็นทีมเวิร์คที่ดี และรู้อย่างแน่ชัดว่า เราต้องการอะไร แม้สุดท้ายทีมจะเหลือแค่เพียงหนึ่ง ก็อาจเอาชนะซึ่งสิบคนของฝ่ายตรงข้ามได้
12. ผู้มีปัญญาต้องการคนโง่เขลาเพื่อที่จะมานำ เพราะวิธีคิดของเขาเหล่านั้นมักแตกต่าง และมันง่ายกว่าที่จะชนะถ้าเรามีใครคนหนึ่งที่มีมุมมองที่ต่างออกไปได้
13. หากต้องการเติบโต จงมองหาโอกาสที่ดีๆซะ และหากคุณอยากเป็นบริษัทที่ดี ก็จงมองหาปัญหาสังคมที่คุณอาจสามารถช่วยแก้ปัญหาร่วมด้วยได้
14. ถ้าคุณไปทำงานตอน 8 โมงเช้าและกลับบ้านตอน 5 โมงเย็น ก็ไม่อาจนับได้ว่ามันคือบริษัทไฮเทค และ Alibaba ก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จได้ ถ้าเรามีแต่จิตวิญญาณของผู้ทำงานแบบเข้าออกตรงเวลา ก็จงไปหาธุรกิจอย่างอื่นทำเถิด
15. วันนี้อาจเป็นวันโหดร้าย พรุ่งนี้ก็อาจจะยิ่งโหดร้ายกว่า แต่เชื่อเถอะว่า วันมะรืนจะเป็นวันที่สวยงาม
16. เราจะดั้นด้นและตั้งมั่นกับทุกความสำเร็จ เพราะเรายังเยาว์วัยและไม่มีวันที่เราจะยอมแพ้
17. การทำธุรกิจประเภท E-Commerce นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจงจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ด้วยความเสน่หาในตอนนี้ไปเรื่อยๆ ด้วยความหวังที่อยากเห็นมันเติบโตต่อไป
18. ในวันที่มืดหม่นของ Alibaba ถ้าเพียงคุณไม่ยอมแพ้ โอกาสก็ยังเป็นของคุณตลอดเวลา และในวันที่คุณยังเป็นเพียงพนักงานตัวเล็กๆ จงตั้งมั่นและเชื่อถือในสติปัญญาของตัวเอง ไม่ใช่พละกำลัง
1. จงสนุกกับสิ่งที่ทำ ไม่มีเหตุผลที่คุณจะทำธุรกิจถ้ามันไม่สนุก
2. “คน คน คน” และ “การลงมือทำ” คือแหล่งที่มาของการประสบความสำเร็จ
3. นักธุรกิจไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากศิลปิน บริษัทเริ่มจากผืนผ้าใบที่ว่างเปล่า รอการแต่งเติมจนสมบูรณ์ แต่ธุรกิจไม่เหมือนงานศิลปะตรงที่มันไม่เคยแล้วเสร็จ
4. “จงแตกต่าง” เพื่อที่จะได้เป็นที่รู้จัก หรือไม่ก็ต้อง “ชั้นยอด” ชนิดที่เฉือนคู่แข่งกระจุยไปเลย
5. คำชมคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงคน ไม่ต้องบอกหรอกเวลาคนทำอะไรผิด เพราะส่วนใหญ่พวกเขาจะรู้ตัวดีอยู่แล้ว
6. ผู้นำจะต้อง “ทำตัวให้คนเห็น” “พบปะผู้คนเสมอ” และ “จด” ไอเดีย สิ่งที่ได้พบเห็นหรือพูดคุย
7. การทำธุรกิจโดยไม่เสี่ยงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ทุ่มให้ 100% และพร้อมจะแก้ปัญหา
8. เมื่อเพิ่งเริ่มต้น จงทำให้ “เล็ก เรียบง่าย และ สนุก” “small is beautiful”
9. อย่ากลัวที่จะเจ๋งกว่าคนอื่น มีคนคนหนึ่งที่กำลังยินดีในความห่วยของคุณอยู่… คู่แข่งของคุณไงล่ะ
10. ถ้าธุรกิจของคุณล้มเหลว “อย่าทำผิดซ้ำเดิม ลุกขึ้น ปัดเนื้อปัดตัว แล้วลุยกันใหม่”
11. ชั่งแม่ม …ทำไปเลย
12. อย่ามัวแต่อายในสิ่งที่ทำผิดพลาดไป และจงเรียนรู้จากมัน
13. การทำธุรกิจควรทำให้สนุกและมีการฝึกความคิดสร้างสรรค์
14. คนโง่เท่านั้น ที่ไม่มีวันเปลี่ยนใจ
15. สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนในการทำธุรกิจ คือ ทั้งเราและคนรอบตัวจะไม่มีโอกาสทำเรื่องผิดพลาด
16. โอกาสในการทำธุรกิจก็เหมือนรถบัสประจำทาง ขึ้นคันนี้ไม่ทันแต่เดี๋ยวคันถัดไปก็มาเอง
17. อย่าทำธุรกิจเพียงเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว ถ้าคิดแบบนั้นอย่าทำเลยดีกว่า
18. จังหวะที่ดีที่สุดในการเริ่มทำธุรกิจใดธุรกิจหนื่ง คือ ช่วงที่คู่แข่งกำลังทำผลงานออกมาได้แย่
19. การทำธุรกิจคือ การประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหา และการแก้ปัญหาต่างๆล้วนได้มาจากการฟัง
20. อย่ายอมแพ้ จงมีศรัทธาในตนเอง
1. ให้คุณค่าชื่อเสียงและเกียรติยศของคุณ
“เราใช้เวลา 20 ปีในการสร้างชื่อเสียงเกียรติยศ แต่เราสามารถทำลายมันทั้งหมดได้เพียงแค่ 5 นาที ถ้าคุณระลึกถึงมัน คุณจะทำสิ่งที่แตกต่างออกไป”
ถ้าเราคิดดูดีๆ มันก็เป็นเรื่องจริงของสังคมเรา เพราะบัฟเฟตต์แนะนำเสมอว่าเราควรสร้างคุณค่าให้แก่ตัวเราเองและบริษัทของเรามากที่สุด และกว่าจะสร้างชื่อเสียงและเกียรติให้แก่สิ่งที่เรามีได้ มันอาศัยเวลาที่ยาวนาน ดังนั้น ก่อนที่เราจะทำอะไร ควรคิดให้ดีๆก่อน ถ้าเรามีสติ คิดตรึกตรองความจริงในข้อนี้ให้ดีๆ เราจะทำสิ่งที่แตกต่างออกไป เราจะไม่ทำสิ่งที่เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบแต่สามารถทำลายทุกอย่างที่เรามีได้ในชั่วพริบตา
2. ทำงานเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น
“คนบางคนได้นั่งอยู่ใต้ร่มเงาในวันนี้ก็เพราะเคยมีคนปลูกต้นไม้ต้นนี้เมื่อนานมาแล้ว”
ถ้าเราอยากมีอนาคตที่ดี เราจึงควรเริ่มเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ตั้งแต่วันนี้ เพราะสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขในวันนี้คือผลลัพธ์ของการกระทำในครั้งก่อน ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี สิ่งที่เราทำในอดีตก็คือผลในปัจจุบัน ดังนั้น ถ้าตอนนี้เรายอมทำอะไรบางอย่างที่อาจจะเหนื่อยสักหน่อยเพื่ออนาคต มันก็คงดีกว่าการที่ไม่ทำอะไรในวันนี้แล้วไปลำบากวันข้างหน้า
3. เพิ่มเติมคุณค่า
“สิ่งที่จ่ายไปคือราคา แต่สิ่งที่ได้มาคือคุณค่าของมัน”
เวลาเราซื้ออะไร มันเพราะเราเล็งเห็นคุณค่าของสิ่งๆนั้นใช่หรือไม่? ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือบริการก็ตาม นี่คือแนวคิดที่นำมาปรับใช้กับสินค้าหรือบริการของเราได้เช่นกัน เพราะคนอื่นจะมองเห็นคุณค่าของสินค้าและบริการของเรามากแค่ไหน ย่อมขึ้นอยู่กับว่าเราให้คุณค่าสินค้าและบริการของเราเพียงพอหรือยัง
4. เลือกคบเพื่อนให้ดี
“มันดีกว่าที่เราจะคลุกคลีกับคนที่ดีกว่าเรา เลือกคบกลุ่มเพื่อนที่นิสัยที่ดีกว่าเรา และเราจะถูกนำพาไปในทางเดียวกัน”
ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ เราควรคบหาสมาคมกับคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะคนเรามีแนวโน้มที่จะมีลักษณะนิสัยเหมือนคนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด มีคนกล่าวว่า “เรามักจะมีค่าเฉลี่ยเท่ากับคนที่เราสนิทด้วยที่สุด 5 คน” ถ้าลองพิจารณาดีๆ นี่คือความจริงของมนุษย์เรา ดังนั้น บัฟเฟตต์จึงแนะนำให้เราเลือกคบคนที่เราอยากเป็น คนที่ประสบความสำเร็จกว่า คนที่มีนิสัยบางอย่างที่ดีกว่าเรา ฯลฯ เพราะคนเหล่านี้จะมีแนวโน้มที่จะพัฒนาตัวเราด้วย
5. ความอดทนคือกุญแจสำคัญ
“ไม่ว่าเราจะเก่งหรือขยันแค่ไหน บางสิ่งบางอย่างก็ต้องใช้เวลา เราไม่สามารถทำให้เด็กคลอดออกมาอย่างปกติได้ภายใน 1 เดือนโดยการทำให้ผู้หญิง 9 คนท้องแทน”
นอกจากความสามารถของเรา หรือความมุมานะและความพยายาม การทำบางสิ่งบางอย่างมันยังต้องอาศัยเวลาที่เหมาะสมด้วย ดังนั้นนอกจากความขยันและความสามารถของเรา อีกสิ่งที่ต้องมีคือ “ความอดทนรอคอย”
6. กล้าเสี่ยง (หลังจากวิเคราะห์ดีแล้ว)
“ความเสี่ยงมาจากการที่เราไม่ทราบว่ากำลังทำอะไรอยู่”
แน่นอนว่าธุรกิจมีความเสี่ยง แต่บัฟเฟตต์เชื่อว่าจะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยขึ้นอยู่กับว่าเราคำนวณและวิเคราะห์สิ่งที่เราจะทำดีพอหรือยัง ดังนั้น มันจึงดีกว่าที่เราจะคิด พิจารณา วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจเผชิญความเสี่ยงไป แทนที่จะกลัวและไม่กล้าเสี่ยงทำอะไร หรือว่าทำลงไปทั้งๆที่ไม่คิดก่อนทำ
7. ทำสิ่งที่รัก
“มันจะมีช่วงเวลาที่เราควรทำสิ่งที่เราต้องการ ทำงานที่เรารัก ที่มันทำให้เรารีบกระโดดออกจากเตียงในตอนเช้า เพราะผมคิดว่าคุณต้องบ้าแน่ๆถ้าคุณต้องทนทำงานที่ไม่ชอบ เพื่อแค่ให้มันดูดีในเรซูเม่ นั่นมันไม่ใช่การเก็บ Sex เอาไว้สำหรับยามแก่หรอกหรือ?”
สรุปง่ายๆ ก็คือ ทำสิ่งที่คุณรัก เพราะคนส่วนมากกำลังทำลายชีวิตของตัวเองโดยการเลือกทำตามสิ่งที่คนอื่นต้องการ เราควรทำตามสิ่งที่หัวใจต้องการ ทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองถนัดหรือหลงใหล ซึ่งสิ่งนั้นแหละที่เราทุกคนควรทำ เพราะถ้าเราเปลี่ยนนำเอางานอดิเรกของเรามาเป็นงานประจำ มันจะไม่มีวันที่เราจะรู้สึกเกลียดหรือเบื่อหน่ายกับงานอีกเลย และนั่นก็คือประตูแรกของคำว่า “ความสำเร็จ”
8. รู้จักคู่แข่งของเรา
“ในโลกของธุรกิจ กระจกมองหลังชัดกว่ากระจกหน้ารถเสมอ”
ในความคิดของบัฟเฟตต์ รู้จักคู่แข่งของเราดีกว่ารู้จักตัวเราเอง เพราะเราจำเป็นต้องติดตามคู่แข่งของเราเสมอว่าเขาจะไปทางไหน จะทำอะไร นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักทราบดีว่าคู่แข่งของเราทำได้ดีแค่ไหนในอดีต และสามารถประเมินได้ว่าพวกเขาจะไปทางไหนและจะทำได้ดีอีกแค่ไหนในอนาคต สรุปก็คือ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง นั่นเอง
9. เดินทีละก้าว
“ผมไม่ได้มองหาว่าจะกระโดดไปข้างหน้าทีละ 7 ฟุตได้อย่างไร แต่ผมมองไปรอบๆว่ามีบาร์ 1 ฟุตที่สามารถจะข้ามไปได้หรือไม่”
บัฟเฟตต์ไม่เชื่อในเรื่องการประสบความสำเร็จเพียงชั่วข้ามคืน แต่เขาเชื่อว่าเราควรเดินทีละก้าว แม้จะเป็นก้าวเล็กๆ เพื่อค่อยๆเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้น เพราะก้าวเล็กๆนี่แหละที่แม้จะเล็ก แต่ก็ยั่งยืนมากกว่าการที่ก้าวกระโดดไกล แต่ถ้าพลาดก็อาจจะไปต่อไม่ได้อีกเลย บัฟเฟตต์แนะนำว่าเราควรทำอะไรที่ละอย่าง หรือก้าวทีละก้าว แต่เป็นก้าวที่มั่นคง
10. เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ
“ข้อแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ คือ คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆรู้จักการปฏิเสธ”
เราควรเลือกการลงทุนแต่ละอย่างด้วยความระมัดระวัง และรู้จักการพูดปฏิเสธเสียงรอบข้างหรือคำแนะนำต่างๆรอบตัวเรา เพราะสุดท้ายแล้ว การตัดสินใจทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเราฝ่ายเดียว การฟังคนอื่นหรือแม้แต่เสียงในหัวมากไปจะทำให้เราเกิดความลังเลสงสัยและตัดสินใจผิดพลาดได้ จงเรียนรู้ที่จะปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเสียบ้าง
11. ความซื่อสัตย์หาได้ยาก
“ความซื่อสัตย์เป็นของขวัญราคาแพง อย่าคาดหวังว่าจะได้มันจากคนราคาถูก”
คนราคาถูกไม่ได้หมายถึงคนยากจน แต่ในที่นี้หมายถึงคนที่ไม่จริงใจ ที่เราพบเจอได้ทั่วไปในสังคมเรา โดยเฉพาะในโลกของธุรกิจ ดังนั้น อย่าคาดหวังว่าทุกคนจะตรงไปตรงมากับเรา ให้เลือกคบหาคนที่จริงใจ ซื่อสัตย์และพูดความจริงกับเราดีกว่า เพราะความจริงใจหาได้ยาก ถ้าเราเจอแล้ว ก็อย่าทำให้ตัวเองเสียคนพวกนี้ไป
12. หัดที่จะควบคุม
“เราต้องควบคุมเวลาและสิ่งที่เรามี เราไม่สามารถให้คนอื่นกำหนดชีวิตของเราได้”
อย่าลืมว่าชีวิตเป็นของเรา เราคือเสาหลักของชีวิตเราเอง ดังนั้นเราจึงไม่ควรให้คนอื่นคุมบังเหียนชีวิตของเรา สิ่งที่สำคัญมากคือการมีอำนาจควบคุมทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเราเอง อย่าปล่อยให้ตัวเองล่องลอยไปกับกระแสน้ำ โดยเฉพาะ “เวลา” เพราะสิ่งที่ทุกคนมีเท่าเทียมกันคือ “เวลา” มันคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่เราควรใช้อย่างชาญฉลาด
ผมเชื่อว่า ข้อคิดและแรงบันดาลใจเพียงไม่กี่ข้อ จะทำให้คุณมีกำลังใจ มีไฟที่จะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ มหาเศรษฐีหลายคนสร้างตัวเองจากศูนย์ ผมขอเป็นกำลังใจให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิต หน้าที่การงาน และธุรกิจของคุณครับ เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล ล้มแล้วลุก ลุกแล้วเดินต่อ บอกตัวเองทุกวันว่า ถ้ายังมีลมหายใจ ยังไงต้องสำเร็จ กำหมัดแน่นๆ จัดเต็มไปเลยครับ !!
===================
Resource
ที่มา : http://www.leaderwings.co/95-mindset-millionaires/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
Follow Us On
-
“ การคิดนั้นอาจคิดได้หลายอย่าง จะคิดให้วัฒนะหรือคิดแล้วทำให้เจริญงอกงามก็ได้ จะคิดให้หายนะ หรือคิดแล้วทำให้พินาศฉิบหาย ก็ได้ การคิดให้เจ...
-
3 วิถีชีวิตในองค์กร > ถ้าใช้ "เสือ" ทำงาน ต้องให้เขามีพื้นที่ แล้วปล่อยไปล่าเหยื่อมาให้ ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องกำหนดวิ...
-
ความรักเปรียบเสมือนดอกกุหลาบที่ไร้หนาม เฉกเช่นเดียว กับการที่เรา ต้องการเด็ดดอกกุหลาบ เพื่อที่จะมาเป็นของกำนันให้กับตัวเอง หากปรารถนา...
-
ไขปัญหา ชาวคอนโด 1. ทรัพย์สินส่วนกลางมีอะไรบ้าง ทรัพย์สินส่วนกลาง คือ ทรัพย์ที่มีไว้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตามที่ให้รายละเอียดไว้ในการจด...
-
O = โอ WorK = เวิร์ค ทีมเวิร์คคืออะไร? ทีมเวิร์คคือ” การทำงานที่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว มีหัวใจดวงเดียวคือเราต้องเป็นทีมแชมเปี้ยน”...
-
"หญ้า" ถ้าอยู่ในกระถางต้นไม้ คือ "ส่วนเกิน" แต่ถ้าอยู่ในทุ่งกว้าง "มันจะสวยงาม" ********** ...
-
สำนักข่าวไทย 29 พ.ค. - การตรวจลายนิ้วมือที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร สามารถสืบค้นประวัติอาชญากรรมได้ละเอียดกว่าการตรวจที่สถานีตำรวจ จาก...
-
คู่มือประชาชนสำหรับติดต่อราชการฝ่ายทะเบียน การขอสำเนาทะเบียนบ้าน การแจ้งเกิด การแจ้งตาย การแจ้งย้ายออก การแจ้งย้ายเข้า การจำหน่าย...
-
กิจกรรม "เปิดบ้านทรายทอง" กับนักแสดงนำ จากละคร "บ้านทรายทอง-พจมาน สว่างวงศ์ " แป้งหอมอยู่ไหน ...*-* ...
-
24 คติธรรมจาก ท่าน ว.วชิรเมธี หลักคำสอน....คติเตือนใจคำคมโดยท่าน ว.วชิรเมธี 1. คนธรรมดาทำบุญก็อยากได้บุญ คนมีปัญญาทำบุญหวัง...