ฝันให้ไกล มีสุขไปด้วยปัญญา
1. รากฐานแห่งรักที่มั่นคงของครอบครัว สำคัญกว่าความมั่งมีที่ฉาบฉวยบนกองทรัพย์สิน...
หาความรักที่แท้จริงให้พบ ก้าวเดินไปพร้อมกันด้วยความเข้าใจบนทุกเส้นทาง ...
แม้จะอ้างว้างในความมั่งมีอยู่บ้าง แต่ความสุขจะก่อร่างตั้งแต่ออกเดินทาง
ความรักจะช่วยขจัดขวากหนามจนถึงวันสุขสม...
หากสร้างความรักบนพื้นฐานทรัพย์สินเกื้อกูล หลายคนต้องออกเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยกับหน้ากากที่ต้องแบกไว้ หลายคนหลายคู่ไปถึงปลายทางอย่างขาดแคลน อ้างว้าง เป็นทุกข์.
2. น้ำใจ สำคัญกว่าน้ำเงิน...
เป็นคนที่มีน้ำใจ ไม่จำเป็นต้องเริ่มเมื่อมั่งมีเกินพอ...
มีน้อย แต่แบ่งปัน ดีกว่ามีมาก แต่ไม่เคยคิดเผื่อแผ่...
สังคมเล็กๆที่เอื้อเฟื้อ เจริญสุขอิ่มใจ งดงามกว่าตึกรามบ้านช่องใหญ่โตทันสมัยแก่งแย่งกอบโกย...
คนยากจนที่มีน้ำใจ มีชีวิตอย่างมีความสุข เมื่อจากไป ชื่อเสียงคงกล่าวขานชื่นชมนานเนิ่น...
คนมั่งมีไม่รู้พอ อยู่ก็เป็นทุกข์ อิจฉา ขาดแคลน สุดท้ายจากไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง.
3. บ้านต้องเป็นสถานที่ๆมีความสุขที่สุด...
หลายคนดิ้นรนทุกทางที่จะออกจากบ้านเพื่อหาความสุข...นั่นคือการสูญเสียพื้นฐานชีวิตที่ดีอย่างน่าเสียดาย...
ก่อนสร้างสมบัติอย่างอื่น โปรดสร้างบ้านให้เป็นที่ๆอยากอยู่ที่สุดในทุกโอกาส ...
บ้านเล็กๆที่พร้อมไปด้วยความร่มเย็นทางจิตใจเพราะครอบครัวที่รักและเข้าใจกัน ทั้งยังร่มรื่น สงบเย็นไปด้วยสภาพแวดล้อมที่ดี..จะทำให้คุณ เป็นคนที่มีความสุขยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก.
4. คนมีน้ำใจ คนมีคุณธรรมส่วนหนึ่งดูได้จากการขับรถ...
คนมารยาทดีๆ สุภาพเรียบร้อย หลายคนเผยธาตุแท้ แปลงร่างเป็นคนก้าวร้าว หยาบคายทันทีหลังจับพวงมาลัย...
แต่คนมีน้ำใจ มีคุณธรรม ก็ยังคงรู้จักหยุดให้คนข้ามถนน หรือเอื้ออาทรมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทางในจังหวะที่เหมาะอยู่เสมอ...
ครั้งต่อไป จะหาเพื่อนแท้หรือคู่ชีวิต ให้เขาหรือเธอขับรถพาชมกรุงเทพสักรอบก่อนตัดสินใจ.
5. หาเก่ง แพ้ใช้เก่ง!...
หลายคนหาเงินเก่ง แต่เมื่อเป็นคนใช้เก่ง ผลสุดท้าย เหนื่อยเปล่า...
คนตั้งตัวได้ คือคือคนที่ใช้จ่ายอย่างสมเหตุผล รู้จักเก็บหอมรอมริบ รู้จักการต่อยอดลงทุน...ดั่งปรัชญาพอเพียงแห่งพระราชา...
ลองย้อนดูประวัติคนรุ่นเก่าหลายคนที่ตั้งตัวได้จนเป็นตำนาน...มีบทเริ่มต้นทำงานหาเงินจากการเป็นกุลีขายแรงงานเท่านั้น.
6. ไม่อยากเป็นลูกจ้างที่อยู่ในกรอบไปทั้งชีวิต ต้องเริ่มเตรียมตัวแล้วนะ..
หลายคนมีฝัน อยากมีวิถีชีวิตอิสระ อยากได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของกิจการ...แต่ยิ่งเป็นลูกจ้างนานเท่าใด กำแพงเงินเดือนยิ่งสูงจนปีนข้ามไม่ถึง หรือสูงจนหมดทางลง...
ดังนั้นการหาวิชาชีพติดตัวไว้ระหว่างทำงาน จึงเท่ากับการสร้างบันไดไว้ปีนลงจากกำแพง...
เมื่อถึงเวลา เครื่องมือที่มีค่าที่สุด คือความรู้ในวิชาชีพที่อยากตั้งตัว บวกความตั้งใจจริง หาใช่เงินทุนล้นเหลือเกินจำเป็น...
มีเงินทุนก้อนเล็กๆ มีวิชาชีพที่ฝัน มีความตั้งใจ...แล้วจะมัวรออะไร?...
โลกแห่งความสำเร็จและอิสระ กวักมือรอคุณอยู่นะเออ.
ความสำเร็จยิ่งใหญ่ใดๆ ย่อมไร้ความหมายถ้าสุดท้ายครอบครัวล้มเหลว....
ระหว่างทางสร้างความสำเร็จ จงให้ครอบครัวได้ก้าวเดินไปพร้อมกัน...
อย่าปล่อยให้ตัวเราเดินหน้าอย่างโดดเดี่ยว
อย่าปล่อยให้ครอบครัวรอคอยอย่างอ้างว้าง...
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สวยงาม ต้องมีครอบครัวยืนยิ้มเคียงข้าง...จึงเรียกได้ว่า "สำเร็จที่เป็นสุข"...
หรือหากล้มเหลว ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย หากมีครอบครัวอ้าแขนประคอง...แถมยังอาจเรียกได้ว่า "ความล้มเหลวที่เปี่ยมสุข".
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น