ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

* คนที่ชอบ โพส ข้อความและรูปภาพลง facebook อยู่บ่อยๆ.!

ชอบจัง ...!!! "เหตุผลที่คุณควรอ่าน"

“คนที่ชอบ โพส ข้อความและรูปภาพลง facebook อยู่บ่อยๆไม่ใช่ 
ว่าเขาว่างจนไม่มีอะไรทำ แต่เพราะว่า เขาอยากให้คุณรู้ว่า เขาสบายดี”

“คนที่ชอบแย่งจ่ายเงินก่อน ไม่ใช่เพราะเขามีเงินมากพอ 
แต่เพราะเขาให้ความสำคัญกับคำว่ามิตรภาพมากกว่าเงินทอง”

“เวลาทำงาน คนที่ยินดีทำมากกว่าคนอื่นไม่ใช่เขาโง่ 
แต่เพราะเขารู้หน้าที่ ว่าต้องทำอะไร”

“หลังจากทะเลาะกัน คนที่ขอโทษก่อน 
ไม่ใช่เพราะเขาผิด แต่เขารู้จักที่จะ ทะนุถนอม คนที่อยู่ข้างกาย”

“คนที่ยอมช่วยเหลือคุณ ไม่ใช่ติดค้างอะไร
คุณ นะ แต่เพราะ เขาเห็นคุณเป็นเพื่อนแท้ต่างหาก”

“คนที่ถูกใจ โพส คุณบน facebook อยู่บ่อยๆไม่ใช่ 
ว่าเขาว่างจนไม่มีอะไรทำ แต่เพราะว่า เขาไม่เคยลืม มองผ่านโพส คุณต่างหาก”

"ทุกเช้า...!!!"
“คนที่นั่งส่งไลน์ สติกเกอร์ ให้คุณบ่อยครั้ง ไม่ใช่
เพราะว่าเขาว่างจนไม่มีอะไรทำ นะ แต่เป็นเพราะว่าในใจ
เขาไม่เคยลืมคุณต่างหาก”



ชอบไหมครับ...ถ้าชอบแชร์ ต่อเลย..!!!!! (ชายขอบคุณภาพ เขียนฝัน 


วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

2.ความรักเปรียบดอกกุหลาบที่ไร้หนาม

ความรักเปรียบเสมือนดอกกุหลาบที่ไร้หนาม


เฉกเช่นเดียว กับการที่เรา ต้องการเด็ดดอกกุหลาบ
เพื่อที่จะมาเป็นของกำนันให้กับตัวเอง

หากปรารถนาดอกกุหลาบก็จงยอมรับหนามของมันด้วย 
นั้นคือสิ่งที่สวยงาม แต่ก็แฝงด้วยหนามอันแหลมคม 

เปรียบกับความรักที่ต้องการครอบครองมาเป็นของเราเพียงผู้เดียว
 ยอมแฝงความเจ็บปวดไว้ข้างใน ไม่นานหนามของมัน จะทิ้มแทง *


ว่ากันว่า ถ้าต้องการกุหลาบที่สวยงามและไร้หนามอันแหล่มคม
ก็คงเปรียบเหมือนความรักระหว่างเพื่อนเท่านั้น..!!

เมื่อเวลาที่เราเจอ ดอดกุหลาบที่สวยและมีกลิ่นหอม
ก็อย่ารีบร้อนที่จะเด็ด เพราะหนามอาจจะทิ่มแทงที่มืออย่างเจ็บปวด

ว่ากันว่า พิษของหนามกุหลาบ อาจทำให้จบชีวิต
 ลงได้ไม่นานหลังจากที่รับพิษของมันมา เพียงชั่วข้ามคืน

เปรียบเสมือน การรีบร้อนมีแฟนก็เหมือนการเดินทางไกล
โดยไม่ต้องตรวจสภาพรถก่อนออกเดินทาง เราก็คงไปไม่ถึงจุดหมาย

ทุกคนมีฝัน กว่าจะรู้ว่าชีวิต คืออะไร หากมีฝัน ก็รีบทำ นะครับ อย่ารอให้ฝัน เดินมาหาเรา ..!!! โลกแห่งความฝันไม่เคยทอดทิ้งเรา ไปไหน มันจะอยู่กับเราตลอดไป แต่ยิ่งนานวัน มันจะค่อยๆตกตะกอน แล้วจางหายไป  เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ หรือเราจะวิ่งไปตามฝัน *


วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

3.ประวัติความเป็นมาวันลอยกระทง

                                           
วันลอยกระทง 2558 ตรงกับพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2558 (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ปีมะแม) 
และวันนี็เรามีบทความประวัติวันลอยกระทง เนื้อเพลงลอยกระทง รูปภาพวันลอยกระทง มาฝาก 

กำหนดวันลอยกระทง
         วันลอยกระทง ของทุกปีจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย หรือถ้าเป็นปฏิทินจันทรคติล้านนาจะตรงกับเดือนยี่ และหากเป็นปฏิทินสุริยคติจะราวเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเดือน 12 นี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว อากาศจึงเย็นสบาย และอยู่ในช่วงฤดูน้ำหลาก มีน้ำขึ้นเต็มฝั่ง ทำให้เห็นสายน้ำอย่างชัดเจน อีกทั้งวันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง ทำให้สามารถเห็นแม่น้ำที่มีแสงจันทร์ส่องกระทบลงมา เป็นภาพที่ดูงดงามเหมาะแก่การชมเป็นอย่างยิ่ง และ วันลอยกระทง 2558 ตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน 

ประวัติวันลอยกระทง
   

      ประวัติวันลอยกระทงนั้น ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใด แต่เชื่อว่าประเพณีนี้ได้สืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง เรียกประเพณีลอยกระทงนี้ว่า"พิธีจองเปรียญ" หรือ "การลอยพระประทีป" และมีหลักฐานจากศิลาจารึกหลักที่ 1 กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟว่าเป็นงานรื่นเริงที่ใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัย ทำให้เชื่อกันว่างานดังกล่าวน่าจะเป็นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน 

     ในสมัยก่อนนั้นพิธีลอยกระทงจะเป็นการลอยโคม โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสันนิษฐานว่า พิธีลอยกระทงเป็นพิธีของพราหมณ์ จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า 3 องค์ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นำพระพุทธศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงให้มีการชักโคม เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระบาทของพระพุทธเจ้า 

        ก่อนที่นางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่วงจะคิดค้นประดิษฐ์กระทงดอกบัวขึ้นเป็นคนแรกแทนการลอยโคม ดังปรากฏในหนังสือนางนพมาศที่ว่า 

        "ครั้นวันเพ็ญเดือน 12 ข้าน้อยได้กระทำโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนมกำนัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกสรสีต่าง ๆ มาประดับเป็นรูปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่ประมาณเท่ากงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อนสีสลับให้เป็นลวดลาย..." 

      เมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงโปรดให้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง และให้จัดประเพณีลอยกระทงขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยให้ใช้กระทงดอกบัวแทนโคมลอย ดังพระราชดำรัสที่ว่า "ตั้งแต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอยเป็นรูปดอกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน" พิธีลอยกระทงจึงเปลี่ยนรูปแบบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 

         ประเพณีลอยกระทงสืบต่อกันเรื่อยมา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น สมัยรัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 3 พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนขุนนางนิยมประดิษฐ์กระทงใหญ่เพื่อประกวดประชันกัน ซึ่งต้องใช้แรงคนและเงินจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลือง จึงโปรดให้ยกเลิกการประดิษฐ์กระทงใหญ่แข่งขัน และโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ทำเรือลอยประทีปถวายองค์ละลำแทนกระทงใหญ่ และเรียกชื่อว่า "เรือลอยประทีป" ต่อมาในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ได้ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ปัจจุบันการลอยพระประทีปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกระทำเป็นการส่วนพระองค์ตามพระราชอัธยาศัย 
ภาพลอยกระทง
เหตุผลและความเชื่อของการลอยกระทง
สาเหตุที่มีประเพณีลอยกระทงขึ้นนั้น เกิดจากความเชื่อหลาย ๆ ประการของแต่ละท้องที่ ได้แก่

1. เพื่อแสดงความสำนึกถึงบุญคุณของแม่น้ำที่ให้เราได้อาศัยน้ำกิน น้ำใช้ ตลอดจนเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา ที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ลงไปในน้ำ อันเป็นสาเหตุให้แหล่งน้ำไม่สะอาด 

2. เพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที เมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ และได้ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่าแม่น้ำเนรพุททา 

3. เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรียบเหมือนการลอยความทุกข์ ความโศกเศร้า โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ให้ลอยตามแม่น้ำไปกับกระทง คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์ 

4. เพื่อเป็นการบูชาพระอุปคุต ที่ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล โดยมีตำนานเล่าว่าพระอุปคุตเป็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถปราบพญามารได้ 

5. เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ 

6. เพื่อความบันเทิงเริงใจ เนื่องจากการลอยกระทงเป็นการนัดพบปะสังสรรค์กันในหมู่ผู้ไปร่วมงาน 

7. เพื่อส่งเสริมงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ เพราะเมื่อมีเทศกาลลอยกระทง มักจะมีการประกวดกระทงแข่งกัน ทำให้ผู้เข้าร่วมได้เกิดความคิดแปลกใหม่ และยังรักษาภูมิปัญญาพื้นบ้านไว้อีกด้วย


ประเพณีลอยกระทงในแต่ละภาค
    ลักษณะการจัดงานลอยกระทงของแต่ละจังหวัด และแต่ละภาคจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันคือ 
- วันลอยกระทง ภาคเหนือ (ตอนบน) จะเรียกประเพณีลอยกระทงว่า "ยี่เป็ง" อันหมายถึงการทำบุญในวันเพ็ญเดือนยี่ (เดือนยี่ถ้านับตามล้านนาจะตรงกับเดือนสิบสองในแบบไทย) โดยชาวเหนือจะนิยมประดิษฐ์โคมลอย หรือที่เรียกว่า "ว่าวฮม" หรือ "ว่าวควัน" โดยการใช้ผ้าบาง ๆ แล้วสุมควันข้างใต้ ให้โคมลอยขึ้นไปในอากาศ เพื่อเป็นการบูชาพระอุปคุต ซึ่งเชื่อกันว่าท่านบำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึก หรือสะดือทะเล ตรงกับคติของชาวพม่า 
- วันลอยกระทง จังหวัดตาก จะประดิษฐ์กระทงขนาดเล็ก แล้วปล่อยลอยไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้เรียงรายเป็นสาย เรียกว่า "กระทงสาย"
- วันลอยกระทง จังหวัดสุโขทัย เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องประเพณีลอยกระทง ด้วยความเป็นจังหวัดต้นกำเนิดของประเพณีนี้ โดยการจัดงาน ลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ ที่จังหวัดสุโขทัยถูกฟื้นฟูกลับมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2520 ซึ่งจำลองบรรยากาศงานมาจากงานลอยกระทงสมัยกรุงสุโขทัย และหลังจากนั้นก็มีการจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟขึ้นที่จังหวัดสุโขทัยทุก ๆ ปี มีทั้งการจัดขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล และไฟพะเนียง
- วันลอยกระทง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ งานลอยกระทงจะเรียกว่า เทศกาลไหลเรือไฟ โดยจัดเป็นประเพณียิ่งใหญ่ทุกปีในจังหวัดนครพนม มีการนำหยวกกล้วย หรือวัสดุต่าง ๆ มาตกแต่งเรือ และประดับไฟอย่างสวยงาม และตอนกลางคืนจะมีการจุดไฟปล่อยกระทงให้ไหลไปตามลำน้ำโขง
- วันลอยกระทง กรุงเทพมหานคร มีการจัดงานลอยกระทงหลายแห่ง แต่ที่เป็นไฮไลท์อยู่ที่"งานภูเขาทอง" ที่จะเนรมิตงานวัดเพื่อเฉลิมฉลองประเพณีลอยกระทง ส่วนใหญ่จัดอยู่ราว 7-10 วัน ตั้งแต่ก่อนวันลอยกระทง จนถึงหลังวันลอยกระทง
- วันลอยกระทง ภาคใต้ มีการจัดงานลอยกระทงในหลาย ๆ จังหวัด เช่น อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่มีงานยิ่งใหญ่ทุกปี
กิจกรรมวันลอยกระทง

      ในปัจจุบันมีการจัดงานลอยกระทงทุก ๆ จังหวัด ซึ่งจะมีกิจกรรมแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ แต่กิจกรรมที่มีเหมือน ๆ กันก็คือ การประดิษฐ์กระทง โดยนำวัสดุต่าง ๆ ทั้งหยวกกล้วย ใบตอง หรือจะเป็นกาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว ฯลฯ มาประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ ธูป เทียน เครื่องสักการบูชา ให้เป็นกระทงที่สวยงาม ภายหลังมีการใช้วัสดุโฟมที่สามารถประดิษฐ์กระทงได้ง่าย แต่จะทำให้เกิดขยะที่ย่อยสลายยากขึ้น จึงมีการรณรงค์ให้เลิกใช้กระทงโฟมเพื่อพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ก่อนจะมีการดัดแปลงวัสดุทำกระทงให้หลากหลายขึ้น เช่น กระทงขนมปัง กระทงกระดาษ กระทงพลาสติกชนิดพิเศษ เพื่อให้ย่อยสลายง่ายและไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม
    เมื่อไปถึงสถานที่ลอยกระทง ก่อนทำการลอยก็จะอธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนาขอให้ประสบความสำเร็จ หรือเสี่ยงทายในสิ่งต่าง ๆ จากนั้นจึงปล่อยกระทงให้ลอยไปตามสายน้ำ และในกระทงมักนิยมใส่เงินลงไปด้วย เพราะเชื่อกันว่าเป็นการบูชาพระแม่คงคา 
   นอกจากการลอยกระทงแล้ว มักมีกิจกรรมประกวดนางนพมาศอันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเพณีลอยกระทง และตามสถานที่จัดงานจะมีการประกวดกระทง ขบวนแห่ มหรสพสมโภชต่าง ๆ บางแห่งอาจมีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองด้วย 
เพลงวันลอยกระทง
         เมื่อเราได้ยินเพลง "รำวงลอยกระทง" ที่ขึ้นต้นว่า "วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง..." นั่นเป็นสัญญาณว่าใกล้จะถึงวันลอยกระทงแล้ว ซึ่งเพลงนี้เป็นที่คุ้นหูของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เพราะในต่างประเทศมักเปิดเพลงนี้ต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อแสดงถึงความเป็นประเทศไทย 

         เพลงรำวงวันลอยกระทงแต่งโดยครูแก้ว อัจฉริยะกุล ผู้ให้ทำนองคือ ครูเอื้อ สุนทรสนาน แห่งสุนทราภรณ์ ซึ่งครูเอื้อได้แต่งเพลงนี้ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2498 ขณะที่ได้ไปบรรเลงเพลงที่บริเวณคณะบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีผู้ขอเพลงจากครูเอื้อ ครูเอื้อจึงนั่งแต่งเพลงนี้ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงจึงเกิดเป็น เพลงรำวงลอยกระทง ที่ติดหูกันมาทุกวันนี้ มีเนื้อร้องว่า 
            วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริง วันลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอยกระทงกันแล้ว  ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง รำวงวันลอยกระทง รำวงวันลอยกระทง บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ 
อะนะ..!!ปีนี้ ใครยังไม่มีกระ ทง ก็ไปขอที่ ตำรวจได้นะครับ เห็นว่าเขาแจกฟรี.!!!!
          
         ส่วนผมวันนี้ ก็ทำกระทงเสร็จแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเตรียมตัวไป ลอย กระทงกับ ครอบครัวแล้ว ครับ
ใครที่ยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวที่ไหน ก็อย่าลืมชวนครอบครัว มาร่วมกันสานต่อประเพณีที่ดีงามนี้ไว้นะ นะครับ และอย่าลืมใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติด้วยนะจ๊ะ เพราะนอกจากจะไปลอยกระทงเพื่ออนุรักษ์ประเพณีแล้ว ยังจะเป็นการช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติไว้อีกต่อหนึ่งด้วย ครับ...!!!  ที่ลืมไม่ได้เลย ระวัง ตกนำ้นะครับ...บายๆๆๆๆๆๆๆๆ


  

ขอบคุณครับ 25/11/2558
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

- kapook.com
- loikrathong.net
- phrapradaeng.org
- thaigoodview.com


4.กฏทอง 10 มหาเศรษฐี ระดับโลก

กฏทอง 10 ข้อ ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (มหาเศรษฐี ระดับโลก ผู้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง)

1. ต้องทำงานหนัก วอร์เรน เขาฟันธงเลยว่า ส่วนใหญ่แล้วการทำงานหนักจะนำผลกำไรมาให้ ในขณะที่การพูดมากแต่ไม่ทำ กลับจะนำความยากจนมาให้แทน แบบนี้เข้าตำราว่า “อย่ามัวแต่ตั้งท่าชก ให้ชกเลย” จึงจะได้คะแนนชนะการต่อสู้


2. อย่าขี้เกียจ เขายกตัวอย่างที่น่าสนใจมาก ว่า “ ขนาดกุ้งมังกรตัวโต ๆ ถ้ามัวแต่นอนหลับ ยังสามารถถูกกระแสน้ำพัดลอยไปได้ ” หมายความว่าถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย มัวแต่รอคอยความหวัง คุณจะต้องตกอยู่ในวังวนวิกฤตการณ์ทางการเงินนี้ต่อไปอย่างแน่นอน

3. รายรับจากหลายแหล่ง ข้อนี้เป็นเคล็ดลับของมหาเศรษฐีหลายคน ไม่ใช่เฉพาะวอร์เรน เพราะการพึ่งรายได้จากแหล่งเดียว ทำให้ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงของภาวะที่ไม่แน่นอน เขาแนะนำให้ทำการลงทุนที่ฉลาดเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เช่น ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน คุณควรมีรายได้ส่วนอื่นจากการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ที่สามารถสร้างรายรับเข้ามาในแต่ละเดือนได้ด้วย

4. ควบคุมรายจ่าย เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มจ่ายเงินซื้อ สิ่งที่คุณไม่มีความต้องการจริง ๆ คุณก็กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่อาจต้องขาย สิ่งที่คุณต้องการมากที่สุด แทน ดังนั้นคิดและตั้งสติก่อนที่จะจ่ายเงินซื้ออะไรในชีวิตเสมอ

5. ตั้งใจออม วอร์เรนเน้นว่าเราอย่ารอเก็บออมเงินที่เหลือหลังจากที่ได้ใช้จ่ายจนพอใจ แต่เราต้องกันเงินส่วนหนึ่งของรายได้มาเพื่อเก็บสะสมก่อน แล้วจึงนำส่วนที่เหลือไปใช้จ่าย หลายคนมักจะเข้าใจผิด ใช้จ่ายแล้วเหลือจึงนำเข้าแบงก์ ที่จริงต้องนำออกมาออม ก่อนจะไปทำอย่างอื่น

6. งดกู้ยืม คนที่กู้หนี้ยืมสินจากคนอื่น มักจะตกเป็นทาสของคนที่คุณไปกู้ยืม ดังนั้นต้องยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง พยายามมีชีวิตอยู่ตามอัตภาพเท่าที่เราหามาได้ อย่าไปสร้างหนี้สร้างสิน โดยไม่จำเป็น พยายามดำรงชีวิตอยู่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

7. จัดระบบบัญชี เขาใช้คำคมมาเปรียบเทียบว่า “ ไม่มีประโยชน์ที่จะถือร่มกันฝน ตราบใดที่รองเท้าที่คุณสวมใส่นั้นยังมีรูอยู่ เพราะมันทำให้เปียกเหมือนกัน ” นั่นคือต้องอย่าทำให้มีจุดรั่วไหลของบัญชี

8. หมั่นตรวจสอบ วอร์เร็นให้ความสำคัญกับการตรวจสอบมาก เพราะว่าค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเปรียบเสมือนรูรั่วของเรือ รูรั่วเพียงเล็ก ๆ แต่นานไปก็สามารถจมเรือใหญ่ทั้งลำได้ ดังนั้นอย่ามองข้ามค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ต้องให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายทุกชนิดเสมอ

9. จัดการความเสี่ยง ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่นักธุรกิจไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ตราบเท่าที่ยังโลดแล่นอยู่ในธุรกิจ เขากล่าวว่า เราไม่ควรจะทดสอบความลึกของแม่น้ำที่จะข้าม ด้วยขาสองข้างพร้อม ๆ กัน เพราะเราอาจจมน้ำตายได้ ในการจัดการความเสี่ยง เราต้องมีแผนสำรองเสมอ ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราต้องบริหารความเสี่ยงที่กำลังเผชิญอยู่อย่างชาญฉลาดที่สุด

10. บริหารการลงทุน อย่าเอาเงินทั้งหมดไปทุ่มลงทุนในสิ่งเดียวกัน เปรียบเหมือนกับ อย่าวางไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเดียวกัน เพราะถ้าตะกร้าหล่นจะทำให้ไข่แตกหมดทุกใบ ดังนั้นเราต้องกระจายความเสี่ยง เพราะธุรกิจหนึ่งอาจจะอยู่ในช่วงขาลง แต่อีกธุรกิจหนึ่งอาจจะอยู่ในขาขึ้น ทำให้ผลประโยชน์โดยรวมยังอยู่ได้

ถ้า...เราชอบซื้อของที่ ไม่จำเป็น....สุดท้าย....เราต้องขายของที่ จำเป็น

ข้อตกลงการลงทะเบียนสมัครสมาชิกลงประกาศฟรี

        การสมัครสมาชิก การใช้บริการ การเยี่ยมชม KHAYTEENEE.COM(ขายที่นี่.com) ของท่านผู้ใช้บริการเป็นการแสดงเจตนายอมรับที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ รวมทั้งกฎ และข้อจำกัดการใช้บริการของ KHAYTEENEE.COM (ขายที่นี่.คอม) ทุกประการอย่างต่อเนื่อง  
1.นโยบายการให้บริการ
2.สงวนสิทธิเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย
3.นโยบายความเป็นส่วนตัว
4.เกี่ยวกับ KHAYTEENEE.COM(ขายที่นี่.com)
5.สมัครสมาชิก ง่ายๆ 3 ขั้นตอน
6.เงื่อนไข สิทธิประโยชน์ สำหรับสมาชิก
7.เกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไป
8.ข้อกำหนดและเงื่อนไข
9.สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
10.สิทธิในระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์
11.ข้อสงวนสิทธิเกี่ยวกับเนื้อหาข้อมูล

เนื้อหานี้มีประโยชน์สำหรับคุณหรือไม่
          - แสดงความคิดเห็นhttp://www.xn--22c6bg8a5euab4mc.com/contact.php
          - ทางเว็บขอสงวนสิทธิ์พิจารณาแก้ไขลบข้อมูลโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
          - สาเหตุที่ทำให้ ประกาศท่าน Error หรือเกิดข้อผิดพลาด ทำให้ประกาศของท่านถูกลบ
          - A. ปัญหาการลงประกาศเพราะ ขนานรูปเกิน 200 kb วิธี ย่อรูปง่ายๆ แค่คลิ๊ก 4 ครั้งเท่านั้
ลงประกาศฟรี ขายที่นี่.com คลิกๆ ลองเว็บใหม่ 

6.ความรักมีวันหมดอายุรึเปล่า ?


ความรักมีวันหมดอายุรึเปล่า ?



....


ความรักหมดอายุได้

ถ้าไม่รู้จักดูแลกัน
ถ้าขาดการใส่ใจ
ถ้าขาดความเข้าใจ
ถ้าหวั่นไหวกับใครที่เข้ามา

ถ้าไม่หันหน้าเข้าหากัน
ถ้าเธอคือคนที่ผิด ฉันคือคนที่ถูก
ถ้าฟังแต่คนรอบตัวมากกว่าคนข้างกาย
ถ้าไม่มีเวลาให้กัน ถ้าห่างไกลกัน

....

ความรักจะไม่มีวันหมดอายุได้ ... 

ถ้าเราเชื่อในกันและกัน
เชื่อในคนที่เคยจับมือกัน
เชื่อในวันเวลาที่เคยใช้ร่วมกัน
และเชื่อใน ความรัก ที่มีให้กัน

....

แด่คนที่กำลังประสบปัญหาในการใช้ชีวิตคู่
ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
************************************************************************************
ที่มา : http://www.khajochi.com/search/label/khatoon

ข้อตกลงการลงทะเบียนสมัครสมาชิกลงประกาศฟรี

        การสมัครสมาชิก การใช้บริการ การเยี่ยมชม KHAYTEENEE.COM(ขายที่นี่.com) ของท่านผู้ใช้บริการเป็นการแสดงเจตนายอมรับที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ รวมทั้งกฎ และข้อจำกัดการใช้บริการของ KHAYTEENEE.COM (ขายที่นี่.คอม) ทุกประการอย่างต่อเนื่อง  
1.นโยบายการให้บริการ                           
2.สงวนสิทธิเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย                     
3.นโยบายความเป็นส่วนตัว                     
4.เกี่ยวกับ KHAYTEENEE.COM(ขายที่นี่.com)       
5.สมัครสมาชิก ง่ายๆ  3 ขั้นตอน             
6.เงื่อนไข สิทธิประโยชน์ สำหรับสมาชิก
7.เกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไป    
8.ข้อกำหนดและเงื่อนไข
9.สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา                
10.สิทธิในระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์
11.ข้อสงวนสิทธิเกี่ยวกับเนื้อหาข้อมูล     

เนื้อหานี้มีประโยชน์สำหรับคุณหรือไม่         
- แสดงความคิดเห็นhttp://www.xn--22c6bg8a5euab4mc.com/contact.php        
- ทางเว็บขอสงวนสิทธิ์พิจารณาแก้ไขลบข้อมูลโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
        - สาเหตุที่ทำให้ ประกาศท่าน  Error หรือเกิดข้อผิดพลาด ทำให้ประกาศของท่านถูกลบ
        - A. ปัญหาการลงประกาศเพราะ ขนานรูปเกิน 200 kb วิธี ย่อรูปง่ายๆ แค่คลิ๊ก 4 ครั้งเท่านั้น 
ลงประกาศฟรี ขายที่นี่.com คลิกๆ ลองเว็บใหม่ 

Follow Us On